"รู้สึกว่ามันไม่ค่อยมีอะไรที่ใช้ได้เลยนะ"
"แต่ว่าของพวกนี้น่ะในแถบนี้ถือว่าหายากเลยนะ"
"ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็เถอะ
แต่ว่า..."
เจ้าของร้านที่กำลังจะปฏิเสธพอเห็นทีท่าของอีกฝ่ายก็ได้แต่ส่ายหัวอย่างยอมแพ้ "ก็ได้ๆ...เพราะว่าช่วงนี้เจ้ามาซื้อของที่ร้านข้าบ่อยๆ
หรอกนะ ถ้าอย่างนั้นให้ข้าจะให้เจ้า 5 เหรียญทอง 40 เหรียญเงินก็แล้วกัน"
"เดี๋ยวก่อนสิ
ก่อนหน้านี้นายบอกจะให้ฉัน 5 เหรียญทอง 50 เหรียญเงินนี่นา"
"เฮ้อ...ดูเหมือนว่าเจ้าไม่อยากจะเสียเงินแม้แต่แดงเดียวเลยสินะ
ก็ได้...ตามนั้นแล้วกัน" เจ้าของร้านพูดพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่
"นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมฉันถึงชอบนายยังไงล่ะ"
อาร์คหัวเราะหึหึพลางเก็บเงินเข้ากระเป๋า
ในโลกใหม่นั้นถึงจะมีร้านค้าในแต่ละหมู่บ้านคล้ายๆ
กัน แต่พวกเขาก็ยังขายของและรับซื้อราคาไม่เท่ากัน ส่วนใหญ่แล้วราคานั้นมักจะขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้เล่นหรือราคาตลาด
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมผู้เล่นจึงพยายามหาร้านค้าที่ให้เงินมากกว่าที่อื่น
ยังไงก็ตามอาร์คเป็นเพียงคนเดียวที่มาใช้บริการร้านค้าแห่งนี้ทุกครั้งที่กลับมาจากการล่ามอนสเตอร์ในเขตพื้นที่รอบๆ
ปราสาทแจ็คสัน
ด้วยประสบการณ์ที่เคยอยู่ในหมู่บ้านฮารันกว่าครึ่งเดือนของเขานั้น
ทำให้อาร์ครู้ว่าถ้าหากพยายามผูกมิตรเป็นเพื่อนกับเจ้าของร้านค้าเป็นเวลานานๆ
ก็จะทำให้ได้รับโบนัสเพิ่มขึ้น
ตอนแรกๆ
นั้น อาจจะต้องเสียเปรียบอยู่บ้าง แต่เมื่อถึงจุดๆ หนึ่งแล้ว เวลาขายสินค้าก็จะได้รับเงินมากขึ้น
10% หรือถ้าซื้อของก็จะได้รับส่วนลดอย่างน้อย
10% นอกจากนี้ถ้าหากซื้อของตามรายการแนะนำจากเจ้าของร้านก็อาจจะลดราคาได้มากสุดถึง
30%
เศษเสี้ยวของข้อมูลเหล่านี้เป็นที่รู้กันแค่พ่อค้าและผู้เล่นจำนวนไม่กี่คนเท่านั้น
“ถ้าเจ้าอยากจะได้เงินมากกว่านั้นทำไมไม่ขายถุงมือแมวนั่นแทนล่ะ? ข้าให้ราคางามๆ สำหรับสิ่งนั้นเลยนะ”
ถ้ามีความสนิทสนมกับเจ้าของร้านพอ
บางครั้งเขาก็จะถามเจาะจงไอเท็มบางชิ้น
ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ดีมากเพราะมันทำให้อาร์คสามารถรู้ถึงมูลค่าของไอเท็มชิ้นนั้นๆ
ได้ถึงเขาจะไม่ได้เช็คราคาของสินค้ากับผู้เล่นคนอื่นๆ เลยก็ตาม
“ไม่ล่ะแค่นี้ก็พอแล้ว ไว้คราวหน้าจะมาใหม่นะ” อาร์คที่ขายของเสร็จบอกลาเจ้าของร้านพลางเดินออกจากร้าน
“ประหยัดไปได้เยอะเลยแฮะ” อาร์คแกว่งถุงเงินที่เต็มไปด้วยเหรียญขณะที่เดินอยู่บนถนน
ตอนที่ออกจากหมู่บ้านฮารันเขามีเงินอยู่ประมาณ
60 เหรียญทองแต่ว่าก่อนหน้านั้นอาร์คจำได้ว่าตัวเองเคยเก็บเงินไว้มากที่สุดถึง 120
เหรียญทอง
ค่าใช้จ่ายที่แพงที่สุดที่สุดในโลกใหม่สำหรับผู้เล่นนั้นส่วนใหญ่จะเป็นค่าอาหารและค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมพวกของใช้
แต่สำหรับอาร์คนั้นที่เขาสามารถเก็บเงินได้มากขนาดนี้เป็นเพราะเขาไม่ได้ใช้เงินไปกับค่าอาหารเพราะเขาสามารถทำกินเองได้
ส่วนค่าซ่อมแซมพวกของใช้ก็ได้ราคาพิเศษลดลงไปครึ่งหนึ่งเป็นเพราะเป็นนายช่างของท่านลอร์ด
แต่ยังไงซะสิทธิพิเศษพวกนั้นมันก็ไม่สามารถใช้ไปตลอดได้อยู่ดี
“นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่ฉันจะกลับมาที่นี่”
เพราะว่าการล่ามอนสเตอร์ในชาโดวฟอเรสต์นั้นทำให้อาร์คมีระดับถึงเลเวล
30 แล้ว และพวกหมาป่าซากศพกับซอมบี้ก็แทบจะไม่ให้ค่าประสบการณ์สักเท่าไหร่
แม้แต่ค่าประสบการณ์ที่ได้จากผีกูลที่มีเลเวล 30
จะพอใช้ได้แต่ก็ถือว่าได้ค่าประสบการณ์น้อยอยู่ดี ส่วนบอสระดับกลางที่มีเลเวล 50
อาร์คก็ยังสู้คนเดียวไม่ไหว ดังนั้นถ้าเขาอยากจะล่ามอนสเตอร์เก็บเลเวลไวๆ
เขาก็ต้องไปหาเควสต์ใหม่ๆ
“แต่ก่อนหน้านั้น ฉันต้องไปเรียนทักษะซะก่อน”
ทักษะที่ว่าก็คือสกิลซ่อมแซมนั่นเอง
ที่แจ็คสันนั้นมีช่างตีเหล็กอยู่เพียง
5 คนเท่านั้น แต่ว่ากลับมี NPC นายช่างระดับมาสเตอร์เพียงคนเดียวที่สามารถสอนทักษะซ่อมแซมให้กับเขาได้
แต่อาร์คก็ไม่รู้ว่านายช่างคนนี้อยู่ที่ไหนกันแน่?
พวกเขาไม่ได้เดินไปมารอบเมืองและมีชื่อติดบ่งบอกว่าใครคือ NPC ระดับมาสเตอร์ ดังนั้นผู้เล่นจะถูกบังคับให้เดินไปรอบๆ เพื่อพูดคุยกับ NPC คนหนึ่งเพื่อถามถึงอีกคนหนึ่ง
แต่ว่าอาร์คเป็นใครงั้นเหรอ?
‘เราจะมามัวเสียเวลาอยู่ที่นี่ไม่ได้’
“เฮ้! โทมัส ขอเวลาแปบนึงสิ” อาร์คกวักมือเรียกตัวช่วยหยอยๆ
ขณะที่ทหารคนนั้นเห็นว่าคนเรียกเป็นใครก็เดินเข้ามาหาด้วยความยินดี
“ท่านอาร์คข้าไม่ได้เห็นท่านหลายวัน ท่านกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
นายทหารที่ชื่อโทมัสถาม
“เพิ่งกลับมาเมื่อกี้นี้เอง
แต่ว่านายรู้รึเปล่าว่านายช่างที่หมู่บ้านนี้มีใครสอนทักษะซ่อมของได้บ้าง?”
อาร์คถามต่อทันที
“ท่านคงหมายถึงนอร์ตัน? ข้ารู้จักเขานะ
ท่านเดินตามทางนี้แล้วข้ามสะพานไปก็เจอร้านตีเหล็กเป็นแห่งแรกเลย
แต่ว่าท่านจะไปเรียนวิธีซ่อมของทำไมล่ะ? ถ้าท่านไปที่ปราสาทพวกตาเฒ่าหนวดเฟิ้มนั่นก็ต้องซ่อมให้ท่านในราคาถูกอยู่แล้ว
มิหนำซ้ำถึงท่านจะเรียนวิธีการซ่อมของไปแต่ท่านก็ยังเอาไปซ่อมของไม่ได้ทันทีอยู่ดี
ข้าว่าทางที่ดีปล่อยให้ผู้เฒ่าพวกนั้นซ่อมให้จะดีเสียกว่า” โทมัสเตือนเขาด้วยความหวังดี
“ฉันคิดว่าจะออกเดินทางไปที่ไกลๆ น่ะ อาจจะใช้เวลาเดินทางหลายวันหน่อย
มันต้องลำบากแน่ๆ ถ้าไม่ใส่ใจเรื่องพวกนี้
พอคิดได้แบบนั้นก็เลยอยากจะหาเรียนวิธีซ่อมของตอนที่ยังอยู่ที่นี่น่ะ” อาร์คอธิบายให้โทมัสฟัง
“ไปไกลเลยเหรอ?” โทมัสมองดูอาร์คที่ผงกหัวยืนยันคำตอบอย่างเศร้าๆ
“เยี่ยมไปเลยนะที่ท่านจะออกเดินทางไปด้านนอกนั่น
แต่ข้าคิดว่าท่านควรจะแวะไปบอกท่านลอร์ดก่อนออกเดินทางสักหน่อย
แล้วอย่าลืมแวะมาที่ค่ายของพวกเราด้วยล่ะท่านอาร์ค”
“ตกลง” อาร์คโบกมือลาโทมัสแล้วก็ต้องหันไปมองรอบๆ
ที่เขาเห็นก็คือบรรดาผู้เล่นที่ยืนอยู่แถวนั้นต่างมองเขาอย่างมึนงง
ส่วนใหญ่พวกทหารจะไม่ค่อยเป็นมิตรกับผู้เล่น
พวกเขาต่างคิดว่าการที่มีพวกผู้เล่นอยู่ในหมู่บ้านมักจะทำให้เกิดแต่ปัญหา
เพราะแบบนี้จึงไม่มีผู้เล่นแม้แต่คนเดียวที่ได้ยินพวกทหารเอ่ยปากชวนให้ไปเยี่ยมค่ายทหาร
ซึ่งมันก็เป็นไปได้เฉพาะอาร์คที่เป็นเพื่อนกับท่านลอร์ดอายุน้อยคนนี้เพียงเท่านั้น
อาร์คไม่ได้สนใจปฏิกิริยาของผู้เล่นคนอื่นเลยสักนิด
เขาอยากเป็นเพื่อนกับ NPC มากกว่าผู้เล่นธรรมดาซะอีก
ถึงแม้ว่าจะมี NPC ที่ค่าความสนิทสนมสูงจนเรียกว่าเพื่อนจำนวนไม่กี่คนก็ตาม
'ยังไงก็เถอะ...ฉันจำเป็นที่จะต้องเรียนทักษะนั่น
ถึงมันจะทำให้ฉันกระเป๋าแฟบก็ตาม' เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา
ต้องเข้าใจว่าการจะเรียนทักษะจาก NPC ที่เป็นระดับมาสเตอร์นั้นจะต้องใช้เงินจำนวนหนึ่งด้วย
เท่าที่อาร์คเคยอ่านในเว็บบอร์ด ต้องใช้เงิน 20 เหรียญทองเพื่อเรียนทักษะซ่อมแซม
ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่สามารถซ่อมแซมด้วยการใช้สกิลเพียงอย่างเดียวได้
แต่ยังต้องใช้วัตถุดิบพิเศษและกล่องเครื่องมือซึ่งเป็นเงินถึง 10 เหรียญทอง
สำหรับอาร์คแล้วเงินจำนวน 30
เหรียญทองนั้นเขาจะได้แค่กล่องเครื่องมือสำหรับซ่อมแซมอุปกรณ์พวกโลหะ, กล่องเครื่องมือซ่อมแซมชุดหนัง, และกล่องเครื่องมือสำหรับชุดผ้า
รวมๆ
แล้วเขาต้องจ่ายเงินถึง 50 เหรียญทองเพื่อจะสามารถใช้ทักษะซ่อมแซมได้
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมผู้เล่นส่วนใหญ่ถึงไม่เรียนทักษะพวกนี้ตอนเริ่มต้นถึงแม้ว่ามันจะมีประโยชน์แค่ไหนก็ตาม
'ถึงมันจะทำให้เราสามารถประหยัดเงินได้ก็เถอะ'
แค่คิดว่าต้องจ่ายเงินถึง
50 เหรียญทองก็ทำให้อาร์คถึงกับท้องไส้ปั่นป่วนไปหมดแล้ว
ยังไงก็ตามถ้าเขาจะออกเดินทาง
ทักษะซ่อมแซมก็มีความจำเป็นต่อผู้เล่นที่มีอาชีพที่ต้องล่ามอนสเตอร์เป็นอย่างมาก
ถ้าหากผู้เล่นต้องคอยไปร้านตีเหล็กทุกครั้งที่ซ่อมอาวุธหรือชุดเกราะก็ต้องใช้เงินจำนวนมากแน่ๆ
ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือถ้าหากลืมไปซ่อม
อุปกรณ์เครื่องใช้พวกนี้ก็มีโอกาสที่จะพังหรือถูกทำลายสูงมาก
โดยเฉพาะพวกของมีค่าราคาค่าซ่อมก็จะแพงไปด้วย
เมื่อค่าซ่อมพวกนี้รวมกันมากเข้าทุกวันๆ ก็จะกลายเป็นค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ที่เป็นจำนวนเงินสูงมาก
ไม่ว่าจะเป็นที่หมู่บ้านฮารันหรือแจ็คสันก็ตาม
อาร์คเดินตามคำบอกของโทมัสมาจนถึงร้านตีเหล็ก
ยังไม่ทันจะเดินเข้าไปในร้าน
ร่างของชายวัยกลางคนที่มีเครายาวเฟิ้มก็ก้าวเข้ามาหาเขา "เข้ามาข้างในสิ
ที่นี่คงมีบางอย่างที่เจ้าต้องการ"
อาร์คเดินเข้าไปในร้านพลางพูดตอบ
“ผมมาที่นี่เพราะได้ยินว่าเจ้าของร้านแห่งนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญทักษะซ่อมของ”
“เจ้าอยากเรียนทักษะการซ่อมอย่างนั้นรึ?” ชายวัยกลางคนถามอย่างสงสัย
“ใช่” อาร์คตอบกลับสั้นๆ
“เจ้าคิดได้ถูกต้องแล้ว มันเป็นสิ่งที่นักผจญภัยจำเป็นต้องเรียนรู้เพื่อซ่อมแซมสิ่งต่างๆ
ไม่มีอะไรที่ทำให้เจ้าต้องตกอยู่ในภาวะอันยากลำบากมากไปกว่าการที่อุปกรณ์เครื่องใช้ของเจ้าเกิดเสียหายในขณะที่ต้องเดินทางอย่างยาวนาน
ไหนข้าขอดูมือของเจ้าหน่อยซิ” นอร์ตันคว้ามือของอาร์คมาตรวจสอบอย่างเงียบๆ
แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ส่ายหัวอย่างผิดหวัง
“เฮ้อ...น่าเสียดายนะดูเหมือนว่าเจ้าจะเรียนทักษะซ่อมแซมไม่ได้น่ะ”
“อะไรนะ? ฉันเรียนทักษะไม่ได้งั้นเหรอ?”
“ดูท่าแล้วเจ้าคงยังไม่รู้เรื่องนี้ดีพอ
ทักษะซ่อมแซมน่ะไม่ใช่ว่าใครก็เรียนได้หรอกนะ” นอร์ตันชี้ไปทางคนที่กำลังเหวี่ยงค้อนทุบดาบอยู่ในโรงตีเหล็ก
เมื่อมองจากเสื้อผ้าที่เหมือนกับที่เขาสุ่มออกมาก็สามารถรู้ได้ว่านั่นเป็นผู้เล่นไม่ใช่ NPC ทั่วไป
ถึงจะได้เรียนทักษะซ่อมแซมได้แล้วแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะใช้ทักษะซ่อมของได้เลยแต่มันต้องมีความรู้ความเข้าใจอย่างเพียงพออีกด้วย
ด้วยเหตุนั้นหลังจากเรียนรู้ทักษะแล้วจึงต้องลองฝึกซ่อมของใช้ด้วยตัวเองเพื่อที่จะมีความคุ้นเคยและชำนาญมากขึ้น
แต่ก็ดูเหมือนจะมีบางคนที่ยอมจ่ายเงินเพื่อฝึกฝนทักษะเช่นเดียวกัน
“มันก็เหมือนกับคนพวกนั้น การที่เจ้าจะใช้อุปกรณ์พวกนั้นด้วยมือตัวเองได้อย่างคล่องแคล่วจำเป็นจะต้องมีความแข็งแรงและประสบการณ์อย่างเหมาะสม
หากเจ้าเงื้อค้อนโดยที่ไม่รู้อะไรเลยก็จะกลายเป็นทำลายของสิ่งนั้นไป
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ข้ามักจะสอนเหล่าอัศวินที่มีประสบการณ์ให้เรียนรู้ทักษะซ่อมแซมพวกโลหะ
หรือพวกพ่อค้าที่มีประสบการณ์ในการแลกเปลี่ยนด้วยทักษะด้านหนังและชุดผ้า
ถึงแม้ว่าจะมีหลายคนที่พยายามเรียนรู้ทักษะ
แต่พวกเขาก็ไม่สามารถใช้มันได้อย่างเหมาะสม”
‘หมายความว่ามีข้อจำกัดในการเรียนทักษะซ่อมแซมอย่างนั้นเหรอ?’ อาร์คใจหายวูบ
ทักษะของอาร์คนั้นส่วนใหญ่ได้มาแบบอัตโนมัติหรือไม่ก็ได้จากการทำเควสต์
ดังนั้นเขาเลยไม่คิดมาก่อนว่าทักษะจำพวกสายอาชีพนั้นจะมีข้อจำกัดแบบนี้
ถึงแม้ว่าเขาจะเคยเห็นบางทักษะที่ดูไม่ค่อยเข้ากันในเว็บบอร์ดที่เขาคิดว่ามันเป็นแค่ทักษะสายอาชีพ
แต่สำหรับทักษะการซ่อมแซมที่เขาคิดว่าเป็นสิ่งจำเป็นนั้นกลับมีข้อจำกัดในแต่ละอาชีพด้วย
แล้วอาร์คก็นึกถึงพวกที่เปิดร้านแผงลอยในหมู่บ้าน
‘เฮ้! เสื้อผ้าและชุดหนังของพวกเจ้าจะเหมือนใหม่แวะมาใช้บริการข้าสิ’
เสียงร้องเรียกพวกนั้นมาจากพวกพ่อค้าหน้าใหม่ที่เพิ่งเริ่มขายของ
อาร์คได้แต่พ่นลมหายใจแรงๆ เมื่อเห็นผู้เล่นเข้าไปใช้บริการกับคนพวกนั้น
ตามความคิดของอาร์คนั้น
ถึงค่าใช้จ่ายพวกนั้นจะมีราคาถูกกว่าการใช้บริการจากร้านค้าของ NPC แต่มันจำเป็นด้วยเหรอที่เขาจะไปช่วยคนพวกนั้นยกระดับทักษะ? นอกจากนี้ถ้าเขาจะประหยัดเงินเขาก็ต้องเรียนรู้หาวิธีที่จะลดค่าใช้จ่ายด้วยตัวเองถึงจะถูก
แต่ตอนนี้เขาเข้าใจทั้งหมดแล้ว…
สำหรับผู้เล่น
การจะได้เรียนรู้ทักษะการซ่อมแซมนั้นไม่ใช่ใครอยากจะเลือกเรียนก็เรียนได้
พวกเขาไม่มีอิสระขนาดนั้น ก็เหมือนอย่างอาชีพดาร์ควอล์คเกอร์ของเขา
มันทำให้เขารู้สึกเสียใจที่เปลี่ยนอาชีพนี้อีกครั้ง
‘บ้าเอ๊ย! ฉันไม่เคยคิดเลยว่าที่ไม่ได้เลือกอาชีพที่เกี่ยวกับสายต่อสู้โดยตรงจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้!’
“แล้วที่บอกว่าถ้าพวกอาวุธหรือชุดเกราะเกิดพังตอนที่กำลังล่ามอสเตอร์แล้วจะทำยังไงในเมื่อผมไม่สามารถซ่อมแซมได้”
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะเป็นพวกมือใหม่...มานี่สิ” นอร์ตันพูดพลางเรียกอาร์คให้เข้าไปด้านในของร้านตีเหล็ก
“ถ้าจะซ่อมของพวกนั้นก็มีทางเป็นไปได้อยู่เหมือนกัน
ร้านตีเหล็กของข้าโทรมมานานแล้ว
ตั้งแต่เจ้าตัวร้ายพวกนั้นได้เรียนรู้ทักษะการซ่อมแซมจากข้าแล้วไปเปิดแผงลอยรับซ่อมสินค้าราคาถูกนั่น”
“เพราะอย่างนั้น...”
“รายได้ที่แท้จริงมาจากสิ่งนี้
ถ้าเจ้ามีสิ่งนี้ไม่ว่าใครก็สามารถซ่อมแซมอุปกรณ์ต่างๆ ได้ยังไงล่ะ” นอร์ตันชี้ไปที่สินค้าที่จัดวางเรียงไว้อย่างเรียบร้อยด้านหนึ่ง
มีป้ายกำกับเขียนติดเอาไว้ว่า ‘กล่องเครื่องมือ’ ที่พวกมือใหม่สามารถใช้ได้
“ตราบใดที่เจ้ามีกล่องเครื่องมือนี้เจ้าก็จะซ่อมแซมอุปกรณ์ต่างๆ
ของเจ้าได้ถึงห้าครั้ง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม เคยมีคนๆ
หนึ่งเอาสิ่งของธรรมดาไปซ่อมแซมด้วยกล่องเครื่องมือเวทมนต์วิเศษ
ซึ่งกล่องเครื่องมือเวทมนต์นั้นสามารถซ่อมแซมได้แม้จะเป็นพวกแรร์ไอเท็มก็ตาม แน่นอนว่าแค่เจ้าเอากล่องเครื่องมือเวทมนต์นี้ไปใช้ซ่อมสิ่งของธรรมดาก็ได้แต่ว่ามันก็ไม่เหมาะที่จะเอาไปใช้ใช่มั้ยล่ะ?
เจ้าอยากจะลองใช้มันดูมั้ย? พวกเขาบอกว่าหินลับใบมีดและน้ำมันเหล่านี้มีผลต่อการเพิ่มประสิทธิภาพของอาวุธและชุดเกราะในช่วงเวลาหนึ่ง
นี่น่าแปลกใจใช่มั้ยล่ะ?”
อย่างไรก็ตามราคาของกล่องเครื่องมือนั้น...
เมื่อพิจารณาถึงกล่องเครื่องมือนี้ซึ่งใช้งานได้ห้าครั้งมันเป็นราคาที่แพงกว่าการเอาสิ่งของมาซ่อมที่ร้านถึง
1.5 เท่าเลยทีเดียว
ยิ่งไปกว่านั้นคืออาร์คต้องใช้กล่องเครื่องมือเวทมนต์เพราะเขามีเสื้อคลุมที่เป็นแรร์ไอเท็ม
ถึงเขาจะซื้อไว้ใช้ยามจำเป็นแต่กล่องนึงก็ปาเข้าไปตั้ง
35 เหรียญทอง ถ้าเขาต้องจ่ายเงินจำนวนมากทุกๆ
ครั้งเพื่อให้ซ่อมสิ่งของได้แค่ห้าครั้ง มันก็แทบทำให้เขาเสียสติ
‘นี่แกบอกให้ฉันต้องเปลืองเงินที่เก็บไว้จากการล่ามอนสเตอร์ทั้งวันทั้งคืนนั่นเพื่อเอามาเป็นค่าซ่อม?’ นี่เป็นครั้งแรกที่อาร์คได้ตระหนักถึงค่าใช้จ่ายที่เกินความคาดคิดในโลกใหม่
แน่นอนว่าคุณไม่สามารถต่อสู้ในการล่ามอนสเตอร์เพื่อหาเงินโดยไม่บาดเจ็บได้
ถ้าคุณเสียชีวิตความทนทานของอุปกรณ์ที่ใส่จะลดลงเรื่อยๆ
จนหมดและมันก็จะต้องเสียเงินค่าซ่อมหลายต่อหลายครั้ง
อาจจะดีกว่าถ้ามีเวลาในการหาเงินได้มากขึ้น
อาร์คไม่ใช่คนที่ไม่รู้ถึงความยากลำบากของบรรดาผู้เล่น
เขาได้รับส่วนลด
30% ในหมู่บ้านฮารันและแจ็คสัน
และเขาก็ยังได้รับส่วนลดค่าซ่อมแซมเหลือครึ่งเดียวที่ปราสาทของท่านลอร์ด
เขาไม่เคยใช้เงินฟุ่มเฟือยจำนวนมากไปกับค่าซ่อมแซมสิ่งของเลย
นี่จึงเป็นครั้งแรกที่เขาเข้าใจความรู้สึกของบรรดาคนที่เอาสิ่งของมาซ่อมแซมกับผู้เล่นด้วยกันเพียงให้ประหยัดสักหนึ่งทองแดงก็ยังดี
‘ถ้าพวกเขาไม่ได้ออกล่ามอนสเตอร์หรือไม่ได้ไอเท็มดีๆ อย่างที่ต้องการ
บางทีแค่จะซื้อขนมปังสักก้อนยังอาจจะเป็นเรื่องยาก’
ถึงราคาของกล่องเครื่องมือจะแพงมหาโหดขนาดไหน
แต่เขาก็ยอมให้อาวุธพังเพราะประหยัดค่าซ่อมไม่ได้
อาร์คควักเงินออกมาด้วยอาการตัวสั่นน้ำตาซึม เขาไม่สามารถมองผ่านมันไปเฉยๆ
โดยไม่ซื้อได้
‘ไม่อยากซื้อเลย...หาเงินน่ะง่าย แต่การจะเก็บเอาไว้น่ะยากยิ่งกว่า...!’
ในโลกแห่งความจริงนั้นไม่มีงานพาร์ทไทม์ชนิดไหนที่อาร์คไม่เคยทำมาก่อน
ร้านค้าทั่วไปจะขายแบบส่งตรงถึงที่
นอกจากนี้เขาก็ยังมีความรู้ด้านธุรกิจอยู่บ้าง
ถ้าจะมีสิ่งหนึ่งที่เขาได้เรียนรู้จากการทำงานมากมายพวกนั้นก็คือคนโง่เท่านั้นที่จะซื้อสินค้าในราคาคนขายบอก
ต่อราคา
ต่อราคา และต่อรองราคาอีกครั้ง
อย่างน้อยที่สุดเมื่อเจ้าของบอกว่าจะขาดทุนแล้วเมื่อไหร่ตอนนั้นแหละที่คุณจะได้ซื้อมันในราคาที่เหมาะสม
“คุณน่าจะลดให้ผมซักหน่อยนะ” อาร์คพยายามต่อรอง
“อย่าพูดอะไรที่ไร้สาระ! เพราะเจ้าวายร้ายพวกนั้นมาเปิดร้านซ่อมของเก็บเงินแค่ครึ่งราคาของร้านข้า
มิหนำซ้ำยังมาตั้งร้านอยู่แถวๆ นี้อีกต่างหาก ข้าแทบจะขายของพวกนี้ทำมาหากินไม่ได้
เจ้ากำลังจะบอกให้ข้ายอมอดอยากแล้วตายอย่างนั้นเรอะ?”
“แต่ว่าตอนนี้ผมก็แย่เหมือนกันนา...” อาร์คพยายามทำตัวให้ดูอนาถามากที่สุด
และความพยายามนั้นก็ไม่ได้สูญเปล่า…
“ข้าก็ไม่รู้หรอกนะว่านักเดินทางอย่างเจ้าจะย่ำแย่เดือดร้อนแค่ไหน
แต่ถ้าเจ้าซื้อสินค้าครั้งละมากๆ ข้าก็อาจจะให้ส่วนลดได้นิดหน่อย...”
“ต่อครั้งเหรอ? ครั้งนึงที่ว่านี่ประมาณเท่าไหร่?”
“สงสัยอย่างนั้นรึ? ถ้าเจ้าซื้อมันประมาณร้อยกล่อง
ข้าก็จะลดราคาให้เจ้า 5% จากราคาทั้งหมด
บางครั้งก็มีพ่อค้าหรือนักเดินทางที่อยากซื้อแบบประหยัดเงินก็จะใช้วิธีนั้น
ถ้าเจ้าไม่ค่อยมีเงินทำไมไม่ลองทำแบบนั้นดูล่ะ”
ดวงตาของอาร์คเป็นประกาย
ความยากจนทำให้เขากระตือรือร้นเมื่อเห็นวิธีที่จะหาเงิน
“เข้าใจแล้ว ผมจะกลับมาใหม่นะ” อาร์ครีบออกจากร้านตีเหล็ก
แน่นอนว่าเขาไม่ได้คิดจะรวบรวมเงินจากผู้เล่นเพราะมันไม่น่าจะรวมเงินจำนวนมากได้
และถึงแม้ว่าเขาจะรวมเงินจากผู้เล่นได้และได้รับส่วนลด 5% แต่ด้วยเงินเพียง 30 เหรียญทองเขาก็จะได้รับเงินเพียงแค่ 1 เหรียญทอง 50
เหรียญเงินเท่านั้น เงินที่ได้เป็นส่วนลดนั้นน้อยเกินไปเมื่อเทียบกับความพยายามที่เขาต้องลงทุนลงแรง
แต่สำหรับอาร์คแล้วยังมีวิธีอื่นที่เขาสามารถใช้ได้อีก
‘เป็นไปได้ มันต้องเป็นไปได้แน่ๆ
ฉันแน่ใจว่าไม่มีอะไรเหมือนกับกล่องเครื่องมือในโรงตีเหล็กของท่านลอร์ดแน่ๆ
นั่นหมายความว่าเขาอาจจะซื้อกล่องเครื่องมือจากที่อื่น
นอกจากนั้นก็ไม่มีกฎที่บอกว่าฉันไม่สามารถเป็นพ่อค้าคนกลางได้ซะหน่อย’
อาร์คใช้เวลาเพียงไม่นานก็รีบไปพบกับท่านลอร์ดน้อย
แล้วเขาก็แสดงท่าทางให้น่าสงสารที่สุดพลางเอ่ยทักอีกฝ่ายด้วยเสียงยินดี “...ท่านลอร์ดของข้า”
“ทำไมท่านถึงอยู่ที่นี่ล่ะ? ข้าได้ยินมาว่าท่านจะออกเดินทางไปที่อื่น
ว่าแต่ทำไมท่านถึงดูเศร้าแบบนั้นกัน?” ท่านลอร์ดเอ่ยทักทันทีเมื่อเห็นอาร์ค
“ข้ากำลังจะออกเดินทางแล้วแต่ว่ามีปัญหานิดหน่อย
ข้ากำลังคิดไม่ตกว่าจะรับมือกับมันยังไงดีเลยอยากจะปรึกษากับท่านลอร์ดซักหน่อยน่ะ”
“ปัญหาอะไรหรือ? ถ้าเป็นสิ่งที่ข้าช่วยได้ก็รีบบอกมาเถอะ”
‘หุหุหุ มีเขาเป็นเพื่อนนี่ดีจริงๆ’
อาร์คยิ้มอย่างพอใจพลางเล่าเรื่องให้ฟังอย่างรวดเร็ว
“จริงๆ แล้วข้าจะเดินทางไปยังที่ๆ ห่างไกลกับคนรู้จัก
ข้าเลยได้รับมอบหมายให้ซื้อสินค้าที่จำเป็น
แต่ว่าจำนวนที่ให้สั่งซื้อสินค้านั้นเป็นจำนวนที่ผิด มันมากเกินไป
ข้าเลยพยายามจะยกเลิกคำสั่งซื้อเพราะข้ารู้ว่าจำนวนมันผิด
แต่เจ้าของร้านกลับหายตัวไปทำให้ข้าต้องรับผิดชอบของที่สั่งซื้อ
พอเพื่อนข้าได้ยินเรื่องทั้งหมดก็หาว่ามันเป็นความผิดข้าแล้วก็หนีไปอีก...เฮ้อ!”
“พวกเขาที่เป็นเพื่อนกับท่านถึงกับทรยศแล้วหนีไปด้วยเรื่องแค่นี้อย่างนั้นรึ?
คนพวกนั้นช่างไม่มีความซื่อสัตย์เลยจริงๆ”
เป็นไปตามที่คาดไว้
ท่านลอร์ดเยาว์วัยผู้ซึ่งเต็มไปด้วยความซื่อตรงถึงกับโมโหราวกับเป็นเรื่องของตนเอง
“ท่านตำหนิพวกเขาไมได้หรอก มันเป็นความผิดของข้าเอง” อาร์คกล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ
“มันเป็นเพราะว่าท่านใจดีมากเกินไป
ครั้งแรกก็ต้องมารับทำงานอันน่าเบื่อหน่ายนี้ ไม่สิ...ไม่ถึงขนาดนั้น
ไม่มีประโยชน์ที่จะพูดอะไรตอนนี้อีกแล้ว
เอาล่ะ...ท่านลองบอกปัญหานั้นมาว่าท่านได้สั่งซื้ออะไรเป็นจำนวนเท่าใดกัน?”
“มันเป็นกล่องเครื่องมือแบบพกพาน่ะ”
ทันทีที่อาร์คตอบ
ท่านลอร์ดก็ยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ
“อา...ค่อยยังชั่วหน่อย ข้าก็คิดว่ามันเป็นอะไร
ถ้าเป็นกล่องเครื่องมือแบบนี้ข้าคิดว่าข้าน่าจะช่วยท่านได้”
“เอ๋?...ท่านลอร์ดจะช่วยข้าอย่างนั้นรึ?”
“ถูกต้องแล้ว ถึงที่ปราสาทแห่งนี้จะมีโรงตีเหล็ก แต่ก็ไม่ได้สร้างกล่องเครื่องมือพกพาแบบนี้
นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมทุกครั้งที่เหล่าทหารออกเดินทางไปที่ใดต้องมีการจัดเตรียมความพร้อมก่อนทุกครั้ง
ปกติแล้วพวกเราจะซื้อไอเท็มพวกนี้แยกต่างหาก
นับเป็นจังหวะเหมาะเลยทีเดียวเพราะของที่มีอยู่ใกล้จะหมดพอดี
เอาเป็นว่าข้าจะซื้อสินค้าทั้งหมดของพ่อค้าเองก็แล้วกัน
ทีนี้คงจะไม่มีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายแล้วนะ” ท่านลอร์ดพูดประโยคที่ทำให้อาร์คถึงกับตาค้าง
“เอ่อ...ถ้าท่านทำแบบนั้น ข้าก็จะยิ่งรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก” อาร์คยังคงแสร้งทำสีหน้าสลดต่อไป
“ไม่ต้องคิดมากหรอก ข้าไม่ได้พูดไว้หรอกเหรอว่าถ้าท่านมีปัญหาข้าจะรีบช่วยเหลือหากท่านต้องการ”
ลอร์ดหนุ่มหยิบตั๋วเงิน 2,500
เหรียญทองออกมามอบให้แก่อาร์ค
“ขอบคุณมากเลยนะ!” อาร์คกล่าวด้วยความยินดีพลางคว้าตั๋วเงินอย่างฉับไว
แล้วค่าสถานะที่เขาไม่คาดคิดก็ปรากฏแสดงขึ้นมาพร้อมกับเสียงดนตรีรื่นเริง
คุณได้เรียนรู้ทักษะใหม่
ศิลปะในการพูด (+5) : คุณสามารถบรรลุความต้องการด้วยกลวิธีการพูดอันคมคาย
ยิ่งมีทักษะสูงขึ้นจะทำให้คุณสามารถชักจูงให้เป้าหมายคล้อยตามที่ตั้งใจได้ง่ายขึ้น
อีกทั้งยังช่วยให้คุณสามารถต่อรองเพื่อให้ได้รับผลประโยชน์มากขึ้น
|
อาร์คที่ยังยืนค้างอยู่ในท่ารับตั๋วเงินแทบจะฉีกยิ้มถึงใบหู
เขาแค่คิดว่ามันน่าจะเป็นไปได้
แต่ไม่เคยคิดเลยว่าจะแก้ปัญหาได้ง่ายๆ แบบนี้
ส่วนลดที่เขาได้รับจากร้านตีเหล็กนั้นคือ
5% แต่ด้วยการซื้อครั้งเดียวถึง 2,500 เหรียญทองรวมค่าส่งของอีก 125 เหรียญทอง ช่างเหมือนกับว่าอยู่ๆ เขาก็เจอไหทองคำในวันที่แสนสดใส
อย่างไรก็ตาม
สิ่งตอบแทนที่อยู่ตรงหน้าก็คือของที่ผู้เล่นเริ่มต้นต้องใช้
เขาได้รับผลกำไรมากกว่าที่คิดไว้และเขาก็คิดว่ามันน่าจะได้กำไรมากกว่านี้อีก
อาร์คกลับไปหานอร์ตันเพื่อมอบตั๋วเงินให้แก่เขา
“เอากล่องเครื่องมือธรรมดากับแบบเวทมนต์อย่างละ 100 กล่อง
คิดว่าต้องใช้เวลาส่งของนานเท่าไหร่?”
“อย่างละ 100 กล่อง? ให้ไปส่งที่ปราสาทของท่านลอร์ด?”
นอร์ตันทวนรายการอย่างตกใจ
“ใช่แล้ว...รายการสั่งซื้อเยอะขนาดนี้ทำไมคุณไม่ให้ส่วนลดผมซักสิบเปอร์เซ็นต์ล่ะ?”
อาร์คเริ่มต่อรองราคาอย่างช้าๆ
“สิบเปอร์เซ็นต์! เจ้าพูดอะไรไร้สาระที่สุด! คิดว่าข้าได้อะไรจากการขายอย่างนั้นเรอะ
เพราะว่าเจ้าเป็นคนสนิทของท่านลอร์ดหรอกนะ
คราวหน้าที่ค้าขายกันข้าอาจจะลองคิดดูก็แล้วกัน
แต่ตอนนี้ข้าให้เจ้าเต็มที่ได้แค่หกเปอร์เซ็นต์เท่านั้น”
“ต้องเป็นแปดเปอร์เซ็นต์สิ! คุณขายกล่องเครื่องมือพวกนั้นได้ตั้ง
200 กล่องในครั้งเดียวแบบนี้ นี่มันไม่โกงผมไปหน่อยเหรอ?”
อาร์คพยายามพูดให้นอร์ตันที่ถือตั๋วแลกเงินอยู่ในมือคล้อยตามเขา
นอร์ตันมองไปที่ตั๋วเงินอยู่พักหนึ่งจนในที่สุดเขาก็ถอนหายใจออกมา
“ก็ได้...ข้าจะให้ส่วนลดเจ้าเจ็ดเปอร์เซ็นต์ แต่เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนข้ามีเรื่องบอกเจ้าสักสองอย่าง”
“มันคืออะไรล่ะ?” อาร์คถามด้วยความสงสัย
“อย่างแรกคือเจ้าจะได้รับส่วนลดของสินค้ามากกว่าเป็นเงิน
เมื่อจ่ายเงินมาเป็นตั๋วแบบนี้แน่นอนว่าเจ้าก็จะได้เงินคืนไปเป็นจำนวนมาก”
“ผมเข้าใจ แล้วอีกอย่างล่ะ?”
“ความจริง...วัตถุดิบที่ใช้ทำกล่องเครื่องมือเกือบจะหมดแล้ว
ดังนั้นข้าจึงไม่น่าจะส่งกล่องเครื่องมือได้ครบ 200 กล่อง
เพราะวัตถุดิบพิเศษที่ใช้สร้างกล่องเครื่องมือนี้แต่เดิมข้าคิดว่ามันน่าจะพอกับวัตถุดิบอื่นๆ
แต่ว่ามันเกิดขาดแคลนพอดี วัตถุดิบชนิดนี้เรียกว่าไอลาร์ด ข้าอาจจะส่งกล่องเครื่องมือได้ครบหากเจ้าพอจะมีของสิ่งนี้บ้าง”
นอร์ตันกล่าว
“แล้วจะหามันได้จากที่ไหนอย่างนั้นเหรอ?”
“ไอลาร์ดเป็นสิ่งที่นักเล่นแร่แปรธาตุสามารถผลิตขึ้นมาได้
แต่ก่อนนั้นมีนักแปรธาตุที่ทำมาค้าขายกับข้าชื่อว่าเรย์มอนด์
แต่ว่าสุขภาพร่างกายของเขาไม่ค่อยดีมาหลายวันแล้ว
เขาเลยไม่ได้ออกไปข้างนอกเพื่อหาวัตถุดิบมาใช้สร้างไอลาร์ด
อันที่จริงเขาก็ขอร้องให้ข้าช่วยแนะนำนักผจญภัยให้เขาอยู่เหมือนกัน
เพราะฉะนั้นเจ้าต้องไปพบเขาก่อนเป็นอันดับแรกแล้วเจ้าก็จะรู้เองว่าเขาจะขอให้เจ้าช่วยหาอะไรให้”
“เข้าใจแล้ว แต่ว่าถ้าผมไปช่วยหาวัตถุดิบมาให้ ข้อตกลงของเรา...”
“ไม่มีอะไรผิดพลาดเท่ากับการหลวมตัวไปค้าขายกับคนอย่างเจ้า
ก็ได้ข้ายอมแพ้...ข้าจะให้ส่วนลดเจ้าแปดเปอร์เซ็นต์ก็แล้วกัน”
“ขอบคุณมากๆๆๆ แล้วที่พูดจะลดให้เมื่อกี้นี้
ไม่ได้รวมของท่านลอร์ดใช่มั้ย...?” ถ้าเกิดท่านลอร์ดมารู้ว่าเขาได้ส่วนลดขนาดนี้แล้วรับเงินมาเต็มราคาก็มีวี่แววว่าหัวอาจจะหลุดออกจากบ่าก็เป็นได้
“ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นหรอก ยังไงซะข้าเป็นเจ้าของร้านนะ”
อาร์คที่ได้ฟังคำพูดของนอร์ตันค่อยรู้สึกโล่งอก
เขาเดินทางไปหาเรย์มอนด์ ตอนที่ได้เจอกับนักแปรธาตุคนนั้นก็เหมือนที่ได้ยินมาไม่มีผิด
เรย์มอนด์ที่อาร์คได้พบมีร่างกายที่ซูบผอมและผิวขาดซีดแบบคนเป็นโรค
หลังจากที่อธิบายรายละเอียดที่นอร์ตันเสนอมา
เรย์มอนด์ก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ
“เจ้าบอกว่านอร์ตันส่งเจ้ามาอย่างนั้นรึ? ถึงแม้เขาจะทำท่าเหมือนไม่ได้ยินจนถึงตอนนี้
แต่ก็ช่างเถอะ...ยังไงซะตอนนี้ไอลาร์ดก็ใกล้หมดพอดี” นักแปรธาตุเว้นช่วงเล็กน้อย
“วัตถุดิบที่เจ้าต้องหาก็คือแร่ที่มีรูปร่างเหมือนเห็ดสีแดง
ซึ่งจะพบมันได้จากในถ้ำที่อยู่ลึกเข้าไปในบึงใหญ่ เจ้าจะต้องเดินเข้าไปลึกจนสุดทาง
แต่ว่ามีสิ่งหนึ่งที่ต้องจำไว้นั่นคือแร่พวกนั้นเป็นสิ่งล้ำค่าที่สุด
เจ้าต้องเก็บข้อมูลนี้เป็นความลับห้ามไม่ให้คนอื่นรู้เด็ดขาด
เข้าใจที่ข้าพูดหรือไม่?”
*ตือ-ตือ-ตึ้ง!*
หน้าต่างข้อมูลแสดงเควสต์ขึ้นมาทันที
การขอร้องจากนักเล่นแร่แปรธาตุเรย์มอนด์
นักแปรธาตุเรย์มอนด์แห่งแจ็คสันผู้สร้างไอลาร์ดให้กับช่างตีเหล็ก
อย่างไรก็ตาม
เขาไม่สามารถรวบรวมวัตถุดิบที่จำเป็นได้เพราะอาการป่วยที่แย่ลงเรื่อยๆ
ดังนั้นเขาจึงขอให้คุณช่วยรวบรวมวัตถุดิบ
เรย์มอนด์ได้เตือนคุณว่าห้ามเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับแร่ออกไปไม่ว่ากับใครก็ตาม
ซึ่งตามคำขอนั้นคุณจะต้องเก็บมันเป็นความลับจนกว่าเควสต์จะเสร็จสิ้น
และคุณยังไม่สามารถทำเควสต์นี้ร่วมกับปาร์ตี้ได้
ระดับความยาก: F
|
‘มีสเควสต์แบบนี้ด้วยเหรอ?’ อาร์คอ่านรายละเอียดด้วยความสงสัย
ใครจะรู้ว่าแผนการหากล่องเครื่องมือฟรีของเขาจะเชื่อมต่อกับกับภารกิจ!
‘มันเป็นเควสต์ที่รับได้เฉพาะคนที่สั่งกล่องเครื่องมือหลายร้อยกล่องโดยคนๆ
เดียวใช่มั้ย? ดูๆ
ไปแล้วก็ไม่น่าจะมีใครทำเควสต์นี้ได้ตอนเพิ่งเริ่มต้นแบบนี้เลย’
มันก็เหมือนกับเควสต์ล่าหนูที่เขาได้รับในตอนหลังไม่ต่างกันเลยสักนิด
ถ้าความยากแค่ระดับ F เขาก็น่าจะจัดการด้วยตัวเองได้
อาร์คตัดสินใจอย่างไม่ลังเล
ถ้าหากเขาทำเควสต์นี้สำเร็จก็ได้รับส่วนลดกล่องเครื่องมือถึง 8% แค่เงินอย่างเดียวเขาก็จะได้ถึง 200 เหรียญทอง! จากที่แค่คิดว่าจะเอากล่องเครื่องมือเวทมนต์ซัก 10 กล่องฟรีๆ
ก็ยิ่งไม่มีเหตุผลอะไรที่จะปฏิเสธ
ชายหนุ่มได้รับแผนที่ที่ระบุเป้าหมายเอาไว้
รวมไปถึงยาฟื้นพลังและขนมปังข้าวสาลี
พร้อมกับกล่องเครื่องมือเวทมนต์ที่เรย์มอนด์เป็นคนออกเงินให้ก่อนซึ่งเป็นผลมาจากการวาทะศิลป์อันล้ำเลิศของเขา
อาร์คเก็บข้าวของพวกนั้นแล้วเริ่มออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังถ้ำอยู่อยู่บริเวณบึงใหญ่
***
“ค้างคาวไปสำรวจในถ้ำแล้วกลับมา”
“รับทราบขอรับนายท่าน” ด้วยคำสั่งของอาร์ค
ค้างคาวกระพือปีกรีบบินเข้าไปในถ้ำอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่เขาเดินทางผ่านบึงใหญ่มาจนถึงถ้ำ
อาร์คก็มีระดับอยู่ที่เลเวล 32 แล้ว
บึงใหญ่แห่งนี้ใช้เวลาในการเดินทางแค่วันเดียวจากแจ็คสันและเป็นที่อาศัยอยู่ของมอนสเตอร์หลากหลายชนิด
ถึงอย่างนั้นการจะผ่านพื้นที่แห่งนี้ก็ไม่ได้เป็นเรื่องยากมากนักเพราะเขาได้อัพเลเวลจากชาโดวฟอเรสต์มาพอสมควรแล้ว
แต่มอสเตอร์พวกสไลม์ยังเป็นศัตรูที่จัดการได้ลำบากเช่นเดิม
ร่างของมันถูกสร้างขึ้นมาจากกรดเมือกเหนียวๆ ดังนั้นเวลาที่เขาสู้กับมันความทนทานของอาวุธจะลดลงทีละนิด
ถ้าเขาไม่ได้พกกล่องเครื่องมือมาเขาคงจะต้องกลับไปซ่อมที่หมู่บ้านนับครั้งไม่ถ้วนแน่ๆ
‘บ้าเอ๊ย! แค่กล่องเครื่องมือกล่องเดียวก็แพงจะตายชักแล้ว!’
ถ้าต้องต่อสู้กับสไลม์สิ่งที่เขากังวลยังเป็นค่าซ่อมอาวุธมากว่าสภาพร่างกายของตัวเองซะอีก
‘แต่ยังไงก็เถอะ...ดูเหมือนว่าฉันจะไม่ได้เจอดันเจี้ยนนี่เป็นคนแรกสินะ’ อาร์คพึมพำอย่างเซ็งๆ นิดหน่อย
ที่เขารู้ก็เพราะว่าคำอธิบายของถ้ำปรากฏขึ้นแต่กลับไม่มีโบนัสแสดงออกมา
ถึงแม้ว่าเขาจะต้องเคลียร์ดันเจี้ยนหลังคนอื่น
แต่ก็ยังมีโอกาสที่มอนสเตอร์และไอเท็มจะดรอปของออกมาหลังจากผ่านไปช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้วอยู่
แต่ถ้าหากโชคร้ายเขาก็อาจจะไม่ได้อะไรเลย
ยังไงก็ตามอาร์คไม่ได้กังวลกับเรื่องนั้นสักเท่าไหร่
เพราะว่าเป้าหมายที่สำคัญที่สุดก็คือรางวัลหลังจากจบเควสต์ต่างหาก
‘เพราะว่ามันเป็นงานที่ให้ตั้ง 200 เหรียญทอง เราต้องไม่ดูถูกมันจนเกินไป’
หลังจากนั้นค้างคาวก็บินกลับออกมาจากถ้ำ
“นายท่าน ข้างในมีมนุษย์อยู่คนนึง” ค้างคาวรีบรายงานทันที
“มนุษย์? แกหมายถึงมีคนที่เหมือนกับฉันอยู่ในถ้ำอย่างนั้นเหรอ?”
“ขอรับ...เขาก็กำลังออกมาทางนี้แล้ว”
เมื่อได้ยินรายงานของค้าวคาว
สายตาของอาร์คเต็มไปด้วยความระแวดระวัง
สิ่งที่ต้องระวังก็คือผู้เล่นมากกว่ามอนสเตอร์
กล่าวได้ว่าศัตรูโดยธรรมชาติของมนุษย์ก็คือตัวเองไม่ใช่เฉพาะในความเป็นจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานที่ห่างไกลแบบนี้
ในที่ซึ่งไม่มีใครสามารถช่วยได้ถ้าเกิดถูกผู้เล่นระดับสูงซุ่ม PK เขาจะต้องทนทุกข์ทรมานโดยไม่อาจดิ้นรนหลบหนีไปได้
อาร์คยืนรอด้วยความเคร่งเครียด
ไม่นานนักร่างคนผู้หนึ่งก็เดินออกมาจากภายในถ้ำ
ทันทีที่เห็นคนๆ
นั้น อาร์คก็จำใบหน้านั้นได้ทันที ดวงตาของเขาเบิกกว้างอย่างตกตะลึง
“...นาย เป็นนาย?”
คนๆ
นั้นถอยหลังไปก้าวหนึ่งเมื่อเห็นอาร์คยืนอยู่หน้าถ้ำ
นักรบที่สวมเกราะเหล็กนั่นก็คืออันเดล!
มันเป็นชื่อที่เพียงแค่นึกถึงเขาก็ต้องขบเขี้ยวเคี้ยวฟันจนนับครั้งไม่ถ้วน
อันเดลเองก็จำอาร์คได้เหมือนกันเพราะทันทีที่เห็นว่าอีกฝ่ายเป็นใครเขาก็สะดุ้งทันที
จากนั้นดวงตาของเขาก็กลิ้งกลอกไปมาราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
จนกระทั่งผ่านไปชั่วอึดใจหนึ่ง
เหมือนว่าในที่สุดก็ตัดสินใจได้ว่าจะทำยังไงกับสถานการณ์แบบนี้
เขายกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยแล้วเริ่มพูดออกมา
“อ่า...เหมือนว่าฉันจะเคยเห็นนายจากที่ไหนซักที่มาก่อนนะ
นายใช่คนที่มาปาร์ตี้กับฉันก่อนหน้านี้ ที่ชื่อว่าอาร์ครึเปล่า?”
อาร์คพยักหน้าเงียบๆ
เป็นคำตอบ
เขาคงไม่สะใจแน่ๆ
ถ้าซัดกับไอ้เลวนั่นทันที นานแค่ไหนแล้วที่เขารอจะเอาคืนมันแบบนี้?
ยังไงก็ตาม
ตอนนี้อาร์คพยายามอดกลั้นความโกรธของเขาเอาไว้
เขาไม่รู้ว่าตอนนี้ผู้ชายคนนี้แข็งแกร่งขนาดไหนแล้ว
ถ้าเผลอทำตามอารมณ์ออกไปล่ะก็
จากที่จะทำให้อีกฝ่ายต้องเจ็บปวดแต่อาจจะกลายเป็นเขาเองที่ต้องเจ็บตัวแทนก็ได้
"นายคืออัลเดลใช่มั้ย?" อาร์คแสร้งถามเหมือนไม่มั่นใจ
"นายจำชั้นได้งั้นเหรอ"
'ฉันจะลืมแกไปได้ยังไง' อาร์คพยายามกล้ำกลืนอารมณ์อยากจะสาปแช่งอีกฝ่ายที่เพิ่มมากขึ้น
"นี่มันเยี่ยมไปเลยนะ
ชั้นอยากจะเจอนายอีกซักครั้งอยู่เหมือนกัน" อันเดลพูดพลางทำหน้าดีใจ
"อยากเจอฉัน?" อาร์คมีสีหน้าประหลาดใจ เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะมาไม้ไหนกันแน่
"ช่ายย...เพราะดูเหมือนว่าชั้นจะทำผิดพลาดไปครั้งใหญ่
ใครจะไปรู้ว่าค่าสถานะจะลดลงทุกครั้งที่นายตายกันล่ะ? หลังจากที่ชั้นได้ยินข่าวนี้
ชั้นก็กลับไปที่หมู่บ้านเพราะอยากจะเจอนายเพื่อขอโทษตลอดมาเลยล่ะ
แต่ว่านายก็ไม่อยู่ที่นั่น ชั้นก็นึกว่านายยอมแพ้เลิกเล่นเกมไปแล้วซะอีก
แต่ไม่นึกเลยว่าจะเจอนายที่นี่ ดูนายจะเลเวลเพิ่มขึ้นไม่น้อยเลยนะ?"
'แกบอกว่าไม่รู้? อยากจะขอโทษ? เดี๋ยวแกจะได้สำนึกเร็วๆ นี้แหละไอ้ชั่ว!'
ท้ายที่สุดอันเดลก็อยากรู้เลเวลของอาร์ค
มันเป็นไปไม่ได้เลยถ้าจะบอกว่าความคิดของเขาที่มีต่ออาร์คซึ่งมีเลเวลต่ำกว่าตัวเองนั้นเปลี่ยนไปเพราะการตอบแบบคลุมเครือของอีกฝ่าย
"ดีแล้วล่ะที่ปล่อยฉันไว้แบบนั้น
เพราะตอนนั้นฉันอารมณ์ไม่ดีมากๆ จนคิดว่าจะเลิกเล่นเกมเลยด้วยซ้ำ
แต่การจะเลิกเล่นเกมเพราะแค่เจอเหตุการณ์แบบนั้นฉันก็ทำไม่ได้"
"นายไม่ได้เข้าใจชั้นผิดใช่มั้ย?"
"หืม? เข้าใจผิดอะไรงั้นเหรอ?" อาร์คแสร้งทำท่าซื่อๆ
ราวกับไม่เข้าใจเรื่องที่อันเดลพูด
อันเดลลอบมองหน้าอาร์คด้วยความโล่งใจ
ด้วยชุดเกราะหนังของปีศาจหนู
กรงเล็บแมว หมวกสกปรกกับรองเท้าขาดๆ ที่ได้จากชาโดวฟอเรสต์
ไม่ว่าเขาจะมีความสามารถขนาดไหนแต่ภายนอกของเขานั้นดูเหมือนพวกขอทานไม่มีผิด
สิ่งเดียวที่มองแล้วดูมีค่าที่สุดน่าจะเป็นเสื้อคลุมสีแดงเลือดที่ปลิวไสวไปมาอยู่ด้านหลังของเขา!
เพราะว่าเสื้อคลุมนี้มีข้อเสียมากมายมหาศาลเขาเลยไม่สามารถสวมมันระหว่างที่ล่ามอนสเตอร์ได้
แต่เขาก็เลือกสวมใส่มันทันทีหลังจากที่ได้ยินคำบอกเล่าของค้างคาวที่บอกว่ามีผู้เล่นคนอื่นอยู่ข้างในถ้ำ
ยังไงตามก็สถานการณ์ตอนนี้ก็ไม่ได้ดีเท่าใดนัก
ดวงตาของอันเดลนั้นจ้องมองราวกับกำลังประเมินเขาอยู่เงียบๆ
"นี่...อาร์ค
ว่าแต่พอมีเวลารึเปล่า? นายอยากจะลงดันเจี้ยนกับชั้นมั้ย?"
"ลงดัน?" อาร์คเอ่ยขึ้นมาด้วยความแปลกใจ
"ชั้นเดินเข้าผ่านเข้าไปในนั้นแล้วเจอดันเจี้ยนน่ะ
แต่ว่าจะสู้คนเดียวมันก็ตึงมือไปหน่อย เลยกะว่าจะชวนคนรู้จักเข้าไปทีหลัง
แต่ว่าตอนนี้นายก็อยู่ที่นี่แล้วนี่ ชั้นเลยคิดว่าเราน่าจะร่วมมือกันเข้าไปข้างใน
นายว่ายังไงล่ะ?"
"ฉันยังไม่ค่อยมั่นใจนิดหน่อยน่ะ"
อาร์คจงใจทำเป็นว่าเขาไม่สามารถตัดสินใจได้
อันเดลที่เห็นทีท่าของเขาจึงพูดขึ้นมาด้วยความรวดเร็ว
"ไอเท็มที่ตกในดันเจี้ยน
นายเอาไปทั้งหมดได้เลยนะ"
"ถ้าทำแบบนั้น
ฉันก็รู้สึกผิดน่ะสิ"
"ไม่หรอก
ถือเป็นการชดเชยเหตุการณ์คราวก่อนก็แล้วกัน ตกลงมั้ย?"
"เหรอ...ถ้านายว่าอย่างนั้นก็ตกลง"
อาร์คหยักหน้าตอบรับ เข้าไม่รู้ว่าอันเดลวางแผนอะไรไว้
แต่ว่าอาร์คก็ไม่อยากปล่อยให้คนชั่วลอยนวลไป
แม้ว่าเขาอาจจะไม่มีทางเอาชนะได้เลยก็ตาม แต่เขาคงจะนอนหลับไม่ลงแน่ๆ
ถ้ามีโอกาสแล้วไม่ได้เอามีดแทงไอ้บ้านั่นซักแผลสองแผล
เพื่อสิ่งนั้นแล้ว
ถึงการร่วมปาร์ตี้กับมันจะลำบากแค่ไหน เควสต์ที่ทำจะยากเย็นแค่ไหนก็ตาม...
"เราไปด้วยกันน่าจะโอเคนะ
แต่ว่าพูดตามตรงชั้นไม่อยากเข้าปาร์ตี้ซักเท่าไหร่"
"อาฮะ
ไม่เป็นไร" อันเดลตอบรับอย่างง่ายๆ
เมื่ออาร์คพูดต่อรองเสร็จเรียบแล้วเขาก็เริ่มออกเดินเข้าไปสำรวจภายในถ้ำ
ทว่าฉับพลันนั้นเองตัวอักษรต่างๆ
ปรากฏขึ้นล้อมรอบตัวเขาพร้อมกับสัญญาณเตือนถูกตรวจสอบข้อมูลก็ดังก้องขึ้นในหัว
อาร์คตวัดสายตามองไปที่ต้นเหตุ อันเดลได้เกาหัวด้วยสีหน้าเจื่อนๆ
"อา...นายคงตกใจ? ชั้นแค่จะเช็คหน้าต่างข้อมูลของนายเฉยๆ เอง
ก็เราไม่ได้อยู่ปาร์ตี้เดียวกันนี่ ชั้นก็เลยอยากจะดูค่าสถานะของนายจะได้เตรียมตัวช่วยได้ถูก"
'ไอ้นี่แม่งเชี่ยจริงๆ คิดว่าฉันโง่รึไงวะ?' สายตาของอาร์คเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว
มันเป็นเรื่องปกติทั่วไปที่คนส่วนใหญ่จะเปิดใช้ฟังก์ชั่น [Detect] เพื่อป้องกันการตรวจสอบหน้าต่างแสดงสถานะจากผู้เล่นคนอื่น ซึ่งการจะดูข้อมูลนั้นจะต้องขออนุญาตจากผู้เล่นคนนั้นๆ
ก่อน
ถ้าหากพวกเขาใช้คำสั่งนี้โดยไม่ได้รับอนุญาตก็จะไม่สามารถดูข้อมูลเพื่อช่วยเหลืออีกฝ่ายได้ตามที่อันเดลพูด
ซึ่งการกระทำแบบนั้นสามารถบ่งบอกได้ว่าอีกฝ่ายนั้นมีเจตนาอื่นแอบแฝงอยู่
ถึงแม้ว่ามันจะไม่มีข้อมูลแปลกใหม่อะไรมากนัก
แต่มันก็มีรายละเอียดที่แสดงให้เห็นถึงพลังชีวิตและค่าสถานะหลักๆ ของเขา
แต่เพราะผ้าคลุมสีแดงเลือดแห่งความฝันที่อาร์คสวมใส่อยู่นั้นทำให้ค่าสถานะทั้งหมดของเขาลดลงเท่ากับ
-15
อันเดลต้องคิดว่าค่าสถานะของอาร์คอยู่ในระดับต่ำเมื่อดูข้อมูลเมื่อเปรียบเทียบกับข้อมูลที่บอกว่าเขามีเลเวล
32
ถึงจะมีอะไรที่น่าสงสัยแต่อันเดลคงไม่มีทางคิดได้ถึงเพราะความสามารถและทักษะของเขาที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน
ถึงจะรู้สึกไม่ค่อยดีที่ถูกมองว่าอ่อนแอ แต่ถ้าทำให้คู่ต่อสู้ประมาทได้ก็ยังดีกว่าปล่อยให้อีกฝ่ายคอยจับตาดูอย่างระวังตัว
ซึ่งเมื่ออันเดลดูข้อมูลของอาร์คเขาก็มีทีท่าแสดงออกว่าโล่งใจ
“ดูเหมือนว่านายจะกู้ค่าสถานะที่เสียไปตอนแรกไม่ได้สินะ”
“ฉันก็แค่พยายามเก็บระดับให้สูงขึ้น
แต่ถึงฉันจะเปลี่ยนอาชีพแล้วค่าสถานะฉันก็มีแค่นี้อยู่ดี” อาร์คทำท่าเสียใจ
ทั้งที่ในใจอยากจะเข้าไปเชือดอีกฝ่ายใจจะขาด
“นายเปลี่ยนอาชีพเป็นอะไรงั้นเหรอ?”
“มันเป็นอาชีพพวกโจรน่ะ”
“อา...ชั้นก็ว่าทำไมค่า Agility แล้วก็ค่า Luck ของนายถึงอยู่ในระดับสูง ตั้งแต่ที่ชั้นเปลี่ยนอาชีพเป็นวอริเออร์ชั้นก็เป็นแนวหน้าตลอด”
อันเดลดึงดาบยาวออกมาและยกโล่ขึ้นมาตั้งการ์ดแล้วเริ่มเดินไปข้างหน้า
ท่าทางของเขานั้นเหมือนกับเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงความเชื่อมั่นว่าเขาสามารถเอาชนะแม้ว่าจะถูกซุ่มโจมตีก็ตาม
มันเป็นข้อพิสูจน์ที่แสดงให้เห็นว่าเขาเริ่มลดความระแวงที่มีต่ออาร์คลงแล้ว.
‘ฮึ่ม...ถ้าอย่างนั้นฉันจะรอดู แล้วแกจะต้องเสียใจกับการตัดสินใจแบบนี้’ เพียงแค่อาร์คมีความคิดแบบนี้เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นทันที
“นายท่าน ข้าไม่ชอบมนุษย์คนนี้เลย”
เขาได้ยินเสียงบ่นไม่พอใจมาจากค้างคาวที่เกาะอยู่บนไหล่
อาร์คเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเขาจับค้างคาวมาวางบนไหล่แล้วก็เอาหัวกระโหลกห้อยไว้ทางด้านซ้าย
แต่อันเดลก็ไม่ได้ถามถึงมัน หมอนั่นคงคิดว่าเจ้าพวกนี้เป็นเครื่องประดับแน่ๆ
ยังไงก็ตาม
นี่เป็นครั้งแรกที่อาร์ครู้สึกดีกับค้างคาว
มันเป็นฝ่ายเดียวกับเขาไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์แบบไหนก็ตาม
การที่ได้พบอันเดลอีกครั้งทำให้อาร์คตระหนักถึงประโยชน์ของการที่มีพวกตัวประหลาดพวกนี้อยู่ด้วยอีกครั้ง
ขณะที่อาร์คกำลังรู้สึกดีๆ
กับทาสรับใช้ตัวเอง
อันเดลก็เปิดเผยชุดเกราะของเขาให้เห็นจนอาร์คอดอุทานออกมาไม่ได้ “ว้าวว...ดูเหมือนว่านายจะอัพเลเวลขึ้นเยอะเหมือนกันนะ”
“ก็ไม่มีอะไรพิเศษหรอก ตอนนี้ชั้นก็มีระดับแค่เลเวล 35 อ่ะนะ” อันเดลกระโดดเข้าไปในถ้ำด้วยท่าทางที่หยิ่งผยอง
มอนสเตอร์จำนวนมหาศาลที่รวมตัวแออัดอยู่ภายในถ้ำนั้นก็คือมนุษย์กิ้งก่า
(Lizardmen)
หรือไม่ก็เป็นพวกก๊อบลินที่เขาเคยเห็นอยู่แถวๆ บึงใหญ่ด้านนอก
พวกมันวิ่งเข้ามาโจมตีใส่พวกเขาเป็นฝูง
ตามปกติแล้วอาร์คจะสู้กับมันโดยการซ่อนตัวแล้วล่อพวกมันมาจัดการทีละตัวสองตัวในแต่ละครั้ง
แต่เมื่อเป็นอันเดล
หมอนั่นตั้งการ์ดยกโล่ขึ้นแล้ววิ่งไปข้างหน้าโดยไม่สนใจป้องกันให้เขาเลยซักนิด
อันเดลที่จัดการพวกมันสองตัวในครั้งเดียว
รีบดื่มโพชั่นฟื้นฟูพลังชีวิตและกำจัดพวกมันอีกครั้ง
‘อืม...แกบอกว่ามีเลเวล 35 สินะ?’
“นัยน์ตาแห่งแมว!”
อาร์คใช้สกิลกับอันเดลโดยทำท่าเหมือนจะใช้กับมอนสเตอร์
ซึ่งมันก็เป็นอย่างที่เขาคิด เลเวลของอันเดลที่เปลี่ยนอาชีพเป็นไฟท์เตอร์ (Fighter) นั้นมีระดับอยู่ที่ 43
เพราะเหตุนั้น
อุปกรณ์ที่สวมใส่อย่างชุดหุ้มเกราะและโล่นั้นทำให้การป้องกันของเขาสูงมาก
ซึ่งจริงๆ
แล้วขณะที่สู้กับมอนสเตอร์สามหรือสี่ตัวพลังชีวิตของเขาก็ไม่ได้ลดลงสักเท่าไหร่
แต่ที่แปลกใจมากกว่าสำหรับอาร์คคือชื่อของอันเดลที่เป็นสีแดง
ตัวละครที่สร้างความวุ่นวาย
ซึ่งหมายความว่าเจ้าหมอนี่มีประวัติการ PK มาก่อน แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องดีสำหรับอาร์ค
แต่เขาก็คิดว่าสำหรับอันเดลแล้วนี่ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจสักเท่าไหร่
‘เยี่ยมเลย ทีนี้ฉันก็จะไม่โดนโทษหลังจากที่โจมตีไอ้เลวนั่น’
ยังไงก็ตามมันยังเร็วเกินไปที่จะทำตัวผ่อนคลายจนทำให้อีกฝ่ายสังเกตเห็นได้
การที่ให้อาร์คเข้าไปในดันเจี้ยนที่ยากนั้นก็เพื่อกักขังให้อีกฝ่ายอยู่เพียงลำพัง
อันเดลที่บอกว่าจะให้ไอเท็มทุกอย่างที่ดรอปให้อาร์คเป็นค่าตอบแทนจากค่าสถานะที่ลดลง
มันก็เหมือนเป็นการบอกเป็นนัยๆ
ว่าเขาอาจจะฆ่าอาร์คอีกถ้าหากมีไอเท็มที่ดีดรอปออกมา
‘เพราะแบบนั้นฉันเลยถอนตัวออกจากที่นี่ไม่ได้
ทางที่ดีที่สุดคือคอยระวังและดูวิธีการต่อสู้ของเขา
นั่นเป็นวิธีเดียวที่จะสามารถเอาชนะฝ่ายตรงข้ามที่มีระดับต่างกันถึง 10 เลเวลได้
แล้วก็จะต้องใช้กลยุทธ์ที่ดีเข้าช่วยด้วย’
อาร์คสังเกตการณ์เคลื่อนไหวของอันเดลอย่างละเอียด
ในขณะที่อีกฝ่ายกำลังต่อสู้อย่างไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไหร่
แต่เมื่อเขาหันมาเห็นอาร์คทำท่าเหนื่อยกับการต่อสู้กับมอนสเตอร์ที่เป็นศัตรู
อันเดลก็เหมือนเห็นชัยชนะรออยู่ตรงหน้า เขาพุ่งตัวไปข้างหน้าแล้วต่อสู้อย่างดุเดือด
มันเป็นรูปแบบการต่อสู้ทั่วไปของพวกวอริเออร์
ที่ใช้การกระแทกผลักศัตรูทางด้านหน้าออกไปโดยใช้ความแข็งแกร่ง(Str) พลังกาย(Sta) และการป้องกัน(Def)
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงไม่สามารถพิชิตดันเจี้ยนนี้แม้ว่าเขาจะมีเลเวลถึง 43
แล้วก็ตาม
แทนที่จะวางแผนกลยุทธ์และจัดการพวกมันทีละตัวเหมือนที่อาร์คทำ
แต่เขากลับใช้พลังการโจมตีและป้องกันเพียงแค่มอนสเตอร์ที่อยู่ด้านหน้าด้วยการใช้โพชั่นอย่างฟุ่มเฟือย
‘นั่นอาจจะเป็นคำตอบอีกทางสำหรับเกมอื่นแต่ไม่ใช่ในโลกใหม่
หมอนั่นยังไม่รู้ถึงการต่อสู้ที่แท้จริงของเกมนี้
ซึ่งมันก็คือกุญแจสำคัญที่จะทำให้เราเอาชนะได้’
อาร์คตามหลังอันเดลมาติดๆ
พร้อมกับวางแผนกลยุทธ์ไว้ในใจไม่หยุดหย่อนเหมือนกับตอนแรกที่เขาเข้าไปในดันเจี้ยนที่มีเควสต์ความยากระดับ F ตอนนั้นแลเวลของเขาก็ไม่ได้สูงเลยสักนิด
แต่ด้วยความที่อันเดลมีระดับอยู่ที่เลเวล
43 นั้นย่อมช่วยอาร์คกำจัดมอนสเตอร์ทั้งหมดโดยใช้เวลาไม่นานนัก
ซึ่งเมื่อผ่านไปเกือบ 2 ชั่วโมง
ทั้งสองคนก็กำจัดมอนสเตอร์แปลกประหลาดมาจนถึงส่วนลึกที่สุดของถ้ำ
“ชั้นเห็นทางที่จะจบมันแล้ว ขอบคุณแล้วกันนะอาร์ค”
“ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยซักนิด”
“แต่ถ้าเทียบกับความยากลำบากที่ต้องเจอ
แถมไอเท็มที่คุ้มค่าก็ยังไม่ดรอปมาเลยสักนิด
ถึงชั้นจะต้องมอบไอเท็มพวกนั้นให้นายก็เถอะ...”
“ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นหรอก
อีกอย่างพวกเราก็ยังเคลียร์ดันเจี้ยนไม่เสร็จเลยด้วยซ้ำ”
“นั่นก็จริง งั้นเรารีบจบมันเถอะ”
อันเดลที่ฟื้นฟูพลังชีวิตจนเต็มลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ
“โฮกกกกกกกก”
ทันใดนั้นเสียงคำรามก็ดังสนั่นขึ้นภายในถ้ำพร้อมกับข้อความที่เตือนขึ้นมา
มอนสเตอร์ระดับบอส
โกเลมคริสตัลปรากฏตัว!
|
ฉับพลันนั้นมือขนาดยักษ์ก็เอื้อมออกมาจากมุมด้านหลัง
มันเป็นมือที่มีรูปร่างคล้ายกับเอาก้อนหินขนาดใหญ่มาประกอบรวมกัน
และทันทีที่มือใหญ่ยื่นโผล่มานั้น
ร่างขนาดยักษ์ของมอนสเตอร์ระดับบอสก็ปรากฏตัวขึ้น
มันเป็นโกเลมที่ถูกสร้างจากก้อนหินจำนวนมหาศาลที่ถูกหลอมรวมด้วยแสงสีแดง
บอสโกเลมคริสตัลค่อยลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ พลางกวาดตามองไปที่อาร์คและอันเดลก่อนจะตะโกนออกมาด้วยเสียงอันแข็งกร้าว
“อาหาร!”
“ระวัง!” อันเดลตะโกนขึ้นก่อนจะยกโล่ขึ้นมาป้องกันทันที
เสียงโครมดังสนั่น
ร่างอันเดลถูกกระแทกจนเซถอยหลัง
พริบตานั้นอาร์คก็ก้าวไปโผล่อยู่ข้างหลังบอสแล้วใช้ดาบของเขาจ้วงแทงเข้าไปอย่างรุนแรง
แกร๊ง!
โกเลมคริสตัลขยับยักไหล่เล็กน้อย
ดูเหมือนว่ามันไม่ได้รับความเสียหายเลยซักนิด
และเมื่ออันเดลเรียกคำสั่งตรวจสอบค่าสถานะ
แถบพลังชีวิตก็ปรากฏขึ้นเหนือหัวของบอสร่างยักษ์แสดงให้เห็นการโจมตีของอาร์คที่ทำให้เลือดของมันลดลงไปเพียง
1 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
“อาร์ค นายช่วยมาซัพพอร์ตชั้นเถอะ!”
“ถ้านายทำได้ดีกว่าฉันก็เอาชนะโกเลมนี่ให้ได้แล้วกัน!” อาร์คพูดจบก็เรียกใช้สกิลพยาบาลใส่อีกฝ่ายทันที
อันเดลที่ได้รับบัพจากสกิลของอาร์คนั้นเหวี่ยงดาบผ่าอากาศอย่างรุนแรงโจมตีใส่โกเลมยักษ์
แต่ด้วยน้ำหนักมหาศาลของบอสยักษ์เลยทำให้โกเลมคริสตัลเพียงแค่ถอยหลังไปเล็กน้อยเท่านั้น
แต่การโจมตีอย่างรุนแรงของวอริเออร์ที่มีค่าพลังโจมตี(Str) ถึง 200 จุดนั้นก็ทำให้พลังชีวิตของบอสโกเลมลดลงเป็นอย่างมาก
“ชั้นจะรับมือทางด้านหน้าเอง นายระวังหลังให้ชั้นแล้วกัน!”
“ได้!”
อาร์คและอันเดลผลัดกันโจมตีบอสอย่างต่อเนื่อง
อันเดลโจมตีโกเลมคริสตัลซึ่งๆ หน้าด้วยโล่ของเขาอย่างสุดความสามารถ
ในขณะที่อาร์คซึ่งมีความคล่องแคล่วก็โจมตีจุดอ่อนของโกเลมจากทางด้านหลัง
พวกเขาทั้งสองโจมตีรัวๆ ติดต่อกันไปเรื่อยๆ
อันเดลนั้นแข็งแกร่งอย่างแน่นอน
ร่างกายที่สวมเกราะเหล็กนั้นทำให้เขามีค่าป้องกันที่สูงมาก
ซึ่งเขาต้องมีเงินหนาพอเพราะมันบวกค่าพลังชีวิตให้นิดหน่อยอีกด้วย
และเมื่อพลังชีวิตเริ่มลดเขาก็ดื่มโพชั่นทันทีดูฟุ่มเฟือยจนเกินไป
ซึ่งเมื่อเทียบกับคนอย่างอาร์คที่แค่จะจ่ายเงินแค่ 1
ทองแดงยังยืนตัวสั่นคิดแล้วคิดอีกการจะทำแบบนี้แม้แต่ในฝันเขายังไม่อาจเอื้อมเลย
ยังไงก็ตามการต่อสู้กับบอสตัวนี้ไม่ใช่เรื่อที่ง่ายเลย
โกเลมที่แข็งแกร่งขนาดนี้ดูไม่เหมาะสมกับดันเจี้ยนที่มีความยากระดับนี้ด้วยซ้ำ
ความแข็งแกร่งที่มากขนากที่อาร์คไม่สามารถสู้ตัวต่อตัวได้เลย
หากเขาต้องเจอมันเพียงลำพัง
ทว่าด้วยการโจมตีประสานของทั้งสองคนนั้นก็ทำให้เลือดของมันลดลงจนถึงก้นหลอด
ขณะที่โกเลมคริสตัลเริ่มระส่ำระสายอันเดลก็ใช้ท่าไม้ตายของอาชีพวอริเออร์จัดการมัน
"พุ่งเข้าปะทะ
ขยี้ศัตรูด้วยพลังอันแข็งแกร่ง – วอริเออร์ โบลว!(Warrior's Blow)"
ตูมมมมม
ร่างของโกเลมถูกกระแทกถอยหลังไปไกลก่อนจะถูกโจมตีอีกครั้งและอีกครั้งจนทั้งตัวของมันของปริแตกออก
และเมื่ออาร์คโจมตีจุดอ่อนของมันจากทางด้านหลัง
ร่างของมันก็ถล่มลงกลายเป็นเศษหินเนื่องจากไม่สามารถรับความเสียหายได้อีกต่อไป
พร้อมกันนั้นระดับของอันเดลและอาร์คก็เพิ่มขึ้น
1 เลเวล
สิ่งเดียวที่เหลืออยู่หลังจากร่างของโกเลมคริสตัลแหลกสลายและระเบิดเป็นแสงระยิบระยับออกมานั่นคือหมวกที่มีรูปทรงประหลาดที่ดูคล้ายกับเห็ด
“พวกเราชนะ!”
จังหวะนั้นอันเดลก็รีบคว้าโพชั่นออกมาดื่มฟื้นฟูพลังชีวิตอย่างรวดเร็ว
เขาทำแบบนั้นถึงแม้ว่าจะไม่มีมอนสเตอร์อยู่รอบๆ
แม้แต่ตัวเดียว ดูเหมือนว่าไอ้หมอนี่จะไม่เคยขาดแคลนเรื่องเงินแน่ๆ
แสดงว่ามันต้องไม่เคยกินขนมปังข้าวสาลีแน่นอน นี่มันช่างไร้สาระอะไรแบบนี้
ขณะที่อาร์คกำลังจะเดินเข้าไปตรวจสอบไอเท็มที่บอสดรอปออกมา
พริบตานั้นเองอันเดลก็เหวี่ยงดาบใส่อาร์คอย่างรวดเร็ว
โชคดีที่อาร์คคิดไว้แล้วว่าจะต้องเป็นแบบนี้เขาจึงรีบถอยหลังหลบการโจมตีได้อย่างรวดเร็วแล้วเดินกลับไปจ้องอีกฝ่ายด้วยสายตาแข็งกร้าว
“สุดท้ายแกก็เปิดเผยตัวจริงออกมาแล้วสินะ”
“ฮ่าๆๆๆ หรือว่าแกคิดว่าชั้นจะให้ไอเท็มที่บอสดรอปออกมาให้กับแกจริงๆ น่ะ?”
“ไม่อยู่แล้ว ฉันไม่เคยเชื่อแกเลย” อาร์คพูดอย่างอดกลั้น
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีอะไรที่จะต้องเคืองชั้นเลยนี่”
“มีอย่างนึงที่ฉันอยากจะถาม
ตอนที่อยู่ที่หมู่บ้านฮารันแกรู้เรื่องค่าสถานะจะถูกหักถ้าตายใช่มั้ย?”
“ชัวร์สิ ไม่รู้ว่าแกโง่ถึงขนาดไหนนะถึงได้ถูกหลอกง่ายๆ แบบนั้น” อันเดลพูดขำๆ
“แกมันไอ้ชั่ว!”
“อยากพูดอะไรก็พูดมา...เพราะว่าเดี๋ยวชั้นจะทำให้แกต้องกลายเป็นไอ้ขี้แพ้อีกครั้งยังไงล่ะ”
ดวงตาของเขาฉายแววกระหายเลือดพลางพุ่งตัวเข้าโจมตีอาร์คอย่างกะทันหัน
อาร์คป้องกันการโจมตีจากดาบอันทรงพลังด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดของเขา
แต่ถึงอย่างนั้นร่างของเขาก็ยังถูกกระแทกกระเด็นถอยหลังออกมาเพราะความต่างชั้นของพลังที่ห่างกันมากเกินไป
ทว่าอาร์คยังไม่ทันตั้งตัวจากการโจมตีครั้งแรก
อันเดลก็จู่โจมต่อเนื่องด้วยรูปแบบเดิมซ้ำมาอีกครั้ง
แต่โชคไม่ดีนักที่เป้าหมายนั้นเป็นอาร์คซึ่งเป็นคนที่ศึกษาวิธีการต่อสู้ในสถานการณ์คับขันยากลำบากมานับไม่ถ้วน
ในขณะที่อันเดลนั้นเป็นคนประเภทที่มีทักษะการต่อสู้เพิ่มขึ้นจากการที่เลเวลอัพเพียงเท่านั้น
ถ้าพวกเขามีระดับเลเวลเท่ากัน
อันเดลนั้นแทบจะเป็นคู่ต่อสู้ของอาร์คไม่ได้ด้วยซ้ำ
แต่สำหรับตอนนี้ด้วยระดับที่ห่างกันถึง 11 เลเวล
การที่อาร์คจะสู้กับอันเดลได้อย่างสูสีนั้นเขาต้องหาทางหรือวิธีอื่นเข้ามาช่วย
ซึ่งมันก็ถูกเปิดเผยออกมาในการต่อสู้ที่ผ่านมานั่นก็คือความสามารถเพิ่มขึ้น 20
เปอร์เซ็นต์เมื่ออยู่ในที่มืดนั่นเอง
อันเดลมีทีท่าคล้ายกับไม่เข้าใจถึงค่าสถานะของอาร์คที่การเปลี่ยนแปลงได้
“แกนี่มันไอ้โง่ที่ขวางหูขวางตาชะมัด
มาดูกันว่าแกจะอยู่พ่นน้ำลายแบบนี้ได้นานซักแค่ไหน!”
ในที่สุดหลังจากที่ถูกโจมตีหลายต่อหลายครั้ง
พลังชีวิตของอาร์คก็ลดลงถึง 50เปอร์เซ็นต์
ในขณะที่อันเดลซึ่งสวมชุดเกราะนั้นลดลงเพียงแค่ 20 เปอร์เซ็นต์เพียงเท่านั้น
อันเดลยิ้มเยาะพลางมองไปที่อาร์คราวกับได้รับชัยชนะ
“แกคิดว่าชั้นไม่รู้อะไรงั้นสิ? ตอนแรกที่เข้าไปในถ้ำแกใช้สกิลของโจร ‘ตรวจสอบ’ ชั้นใช่มั้ยล่ะ? แกนี่มันโง่บัดซบชะมัดที่ถึงใช้สกิลตรวจสอบระดับชั้นแล้วยังเชื่อฟังชั้นทุกอย่าง
ตอนนั้นน่ะมันกำหนดไว้แล้วว่าแกต้องตาย พุ่งเข้าปะทะ
ขยี้ศัตรูด้วยพลังอันแข็งแกร่ง – วอริเออร์ โบลวววว!" อันเดลเรียกใช้สกิลด้วยน้ำเสียงฮึกเหิม
เนื่องจากมันเป็นทักษะที่ถูกบันทึกไว้ว่ามีความรวดเร็วสูง
การโจมตีเพียงครั้งเดียวด้วยการติดคริติคอลก็แทบทำให้พลังชีวิตของอาร์คแทบจะเป็นศูนย์
‘ตอนนี้แหละ!’ นัยน์ตาของอาร์คเปล่งประกายวูบ
มันเป็นอย่างที่อันเดลพูด
ตอนแรกที่เขาตรวจสอบระดับของไอ้เลวนั่นเขายังมีโอกาสตัดสินใจได้ว่าจะหนีหรือเผชิญหน้ากับมัน
แต่อาร์คก็เลือกที่จะไม่หนี เหตุผลแรกก็คือความแค้นของเขาที่มีต่อมัน
และสองก็คือเขาตรวจสอบแล้วว่ามีวิธีที่จะใช้โค่นไอ้ชั่วนี้ได้
และวิธีการที่จะเอามาใช้ก็คือเฉพาะตอนที่เขาตกอยู่ในภาวะวิกฤตแบบนี้นั่นเอง
“นัยน์ตาแห่งแมว!”
ดวงตาของอาร์คกลายเป็นสีทอง
เขามองเห็นจุดสีแดงซึ่งเป็นจุดอ่อนปรากฏทั่วร่างของอันเดล
ชายหนุ่มรู้สึกมั่นใจมากขึ้น
อันเดลเป็นวอริเออร์ที่ทุ่มทุนและเชื่อมั่นในการป้องกันระดับสูง
แต่ร่างกายของมันกลับเต็มไปด้วยจุดอ่อน
และขณะนั้นแถบพลังชีวิตก็ปรากฏขึ้นแสดงให้เห็นว่ามันเพิ่งฟื้นพลังชีวิตได้แค่ 35
เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
ตอนนี้แหละเป็นเวลาลงมือของเขาแล้ว!
“ดาร์คเบลด!”
อาร์คก้าวเท้าเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วท่ามกลางความมืด
เขาตวัดดาบที่อัดแน่นไปด้วยความโกรธแค้นใส่ต้นคอของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
ฉัวะ!
การโจมตีคริติคอลโดยไม่สนใจพลังป้องกันทั้งหมดประสบความสำเร็จ!
|
อาร์คที่ใช้ดาร์คเบลดในการโจมตีในขณะที่ก้าวไปด้านหน้ากลับปรากฏตัวที่ด้านหลังของอันเดลแถมยังโจมตีสำเร็จจนทำให้อีกฝ่ายรีบถอยกลับไปตั้งหลักรู้สึกงุนงงหลังจากถูกโจมตีอย่างพิลึกพิลั่น
พริบตาเดียวนั้นพลังชีวิตของอันเดลก็ลดลงไปครึ่งหนึ่ง
สกิลนี้ของอาร์คเป็นผลมาจากการใช้บัพถึง
5 ชนิดซ้อนทับกัน
อย่างแรกที่นำมาใช้คือความสามารถที่เพิ่มขึ้นในความมืดคิดเป็น
20 เปอร์เซ็นต์
ส่วนอย่างที่สองคือการเพิ่มพลังโจมตีและอัตราการเกิดคริติคอลโดยการตรวจสอบจุดอ่อนด้วยสกิลนัยน์ตาแห่งแมว
ส่วนบัพที่สามคือทักษะทรหดและสี่คือร่างกายที่ไม่ย่อท้อถูกเรียกใช้ในสภาวะวิกฤตได้อย่างรวดเร็วและเพิ่มจำนวนอีกครั้งหนึ่ง
ส่วนบัพสุดท้ายนั้นนั้นก็มาจากอาชีพดาร์ควอร์คเกอร์
สกิลดาร์คเบลดนั่นเอง!
มันเป็นทักษะที่ไม่สนใจการป้องกันและเพิ่มพลังโจมตีคริติคอลถึง
150 เปอร์เซ็นต์ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถจัดการอันเดลที่มีเลเวลสูงกว่าในการโจมตีอย่างรุนแรงครั้งเดียวได้
แต่ผลจากการโจมตีของเขาก็ทำให้พลังชีวิตของอีกฝ่ายลดลงถึง 50 เปอร์เซ็นต์
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงทนไม่ใช้มานาจนกว่าตัวเองจะตกอยู่ในภาวะวิกฤตแบบนี้
มันเป็นการแสดงให้เห็นว่าอาร์คที่เติบโตจากการต่อสู้อันแสนบ้าระห่ำนั้นหมดทางเลือกแล้วจริงๆ
จึงต้องใช้วิธีแบบนี้
ใบหน้าของอันเดลซีดเผือด
“แฮ่กๆ
กะ...แกคิดเหรอว่าแค่นี้จะทำอะไรชั้นได้!”
อันเดลรีบใช้คำสั่ง [Detect] อย่างร้อนรน
หลังจากนั้นเขาก็รีบเช็คมานาของอาร์คแล้วก็เริ่มผ่อนคลายเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่สามารถใช้สกิลนัยน์ตาแห่งแมวและดาร์คเบลดได้เป็นครั้งที่สอง
มันไม่มีมานาเหลือแล้ว ตอนนี้พลังชีวิตของมันก็เหลือแค่ 5 เปอร์แซ็นต์
ในขณะที่ตัวเขาเหลืออยู่15 เปอร์เซ็นต์ย่อมได้เปรียบกว่าแน่นอน
“ฮึ...ดูเหมือนความพยายามครั้งสุดท้ายของแกจะจบตรงนี้แหละ
มานาแกไม่เหลือแล้วนี่ ทีนี้แกก็ใช้สกิลไม่ได้อีกแล้ว” อันเดลเยาะเย้ยขำๆ
“นี่แกแบบนั้นจริงๆ เหรอ” อาร์คฉีกยิ้มเย็นบาดลึกให้อีกฝ่าย
“ผ้าคลุมสีแดงเลือดแห่งความฝัน!”
อาร์คที่ถูกคลุมด้วยด้วยเสื้อสีแดงเข้มอยู่ดีๆ
เสื้อคลุมนั้นก็คลี่สยายออก พร้อมกันนั้นพลังชีวิตของอาร์คก็กลับมาเต็ม 100
เปอร์เซ็นต์อีกครั้งด้วยการฟื้นฟูในพริบตา
กลับกลายเป็นอันเดลที่ตกอยู่ในสภาวะตื่นตระหนกและสับสน
ทว่าสิ่งที่น่าตกใจกว่านั้นคือหลังจากที่เขาเหวี่ยงดาบพุ่งเข้าโจมตีอาร์คแต่เสื้อคลุมนั้นกลับเบี่ยงปัดการโจมตีออกจนหมด
ความสามารถของเสื้อคลุมสีแดงเลือดแห่งความฝันนั้นมีความสามารถที่จะลบล้างการโจมตีทั้งหมดเป็นเวลา
10 วินาที! ถึงจะไม่มีประโยชน์ในการล่ามอนสเตอร์มากนักแต่ถ้าฝ่ายตรงข้ามเป็นผู้เล่นมันก็แสดงให้เห็นถึงพลังอำนาจขั้นเด็ดขาด
ดวงตาของอันเดลเบิกถลนด้วยความตกใจ
“มะ...ไม่มีทาง อย่าบอกนะว่าเสื้อคลุมของแกเป็นแรร์ไอเท็ม?”
ความจริงนั้นอาร์คไม่ได้เพียงแค่สวมเสื้อคลุมเพื่อปิดบังค่าสถานะของเขา
แต่เพื่อที่จะใช้ความสามารถของมันที่สามารถใช้ได้เฉพาะตอนกลางคืนด้วยต่างหาก
เป็นครั้งแรกที่อันเดลตระหนักได้ว่ามีบางอย่างที่ผิดพลาด
เขารีบหยิบโพชั่นฟื้นฟูพลังชีวิตออกมา
นัยน์ตาเย็นชาของอาร์คตวัดมองด้วยความร้อนรน
‘เขาจะดื่มมันไม่ได้! เอฟเฟคของเสื้อคลุมนี่ใกล้จะหมดแล้ว
ฉันคงกลายเป็นไอ้งั่งจริงๆ ถ้าปล่อยให้ไอ้หมอนั่นกินโพชั่นฟื้นพลังนั่นได้
ถ้าเป็นแบบนั้นผลลัพธ์จะออกมาเป็นยังไงก็ไม่รู้’
“อัญเชิญปีศาจค้างคาว! ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแกต้องหยุดไอ้ชั่วนั่นไม่ให้กินน้ำนั่นได้! ถ้าแกทำไม่ได้ ฉันจะให้แกกินอาหารไม่ให้พักไปสิบวันเลย!”
“กีซซซ! ข้าไม่ยอมเด็ดขาดดดด!”
ค้างคาวที่ถูกซัมมอนออกมารีบบินดิ่งไปหาอันเดลทันที
มันรีบเอาตัวพุ่งเข้าไปในปากเพื่อปิดทางไม่ให้เป้าหมายยกโพชั่นขึ้นดื่ม
“แกทำได้ดีมากค้างคาว!”
อาร์คคลายมือที่กำดาบแน่น
เขาเหยียบมือทั้งสองข้างของอันเดลพลางเงื้อดาบชูขึ้นสูง
รอยยิ้มเย็นชาถูกมอบให้อีกฝ่ายก่อนที่เขาจะปักดาบลงมาอย่างไม่มีลังเล
ฉึก!
“คึ...ฮึก...แก...มันไอ้ลูกหมา...รอก่อนเถอะแล้วเราจะได้เห็นดีกัน!”
ทันทีที่พูดจบ ร่างของอันเดลก็ทรุดฮวบลงกับพื้น
เขาเสียชีวิตและถูกบังคับให้ออกจากระบบ
คุณจัดการผู้เล่นที่ก่อความวุ่นวายเลเวล
44 ได้สำเร็จ
ค่าชื่อเสียง
+30 แต้ม
|
อาร์คถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างโล่งอก
ในที่สุดเขาก็ได้แก้แค้น
ถึงศัตรูจะมีระดับสูงกว่าถึง 11 เลเวลก็ตาม
เมื่อความตึงเครียดจากการต่อสู้ค่อยๆ
เขาหายไป ปฏิกิริยาความตื่นเต้นดีใจก็แผ่กระจายไปทั่วร่างกายของเขาอย่างช้าๆ
อาร์คที่กำลังลิ้มรสกับความสุขที่ได้รับจากชัยชนะก็หันไปมองรอบๆ
มันเป็นสิทธิ์ของผู้ชนะที่จะเก็บของที่ตกจากการตายได้
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเมื่อเป็นผู้เล่นที่สร้างความวุ่นวายก็จะมีบทลงโทษอีกหลายข้อที่เพิ่มมาด้วย
หนึ่งในนั้นก็คือการที่พวกเขาจะต้องสูญเสียอุปกรณ์ของพวกเขาเมื่อเสียชีวิต
ถ้าเป็นผู้เล่นปกติเสียชีวิตอุปกรณ์หรือไอเท็มนั้นมีความเป็นไปได้ที่ของจะตกตามที่กำหนดไว้
แต่เมื่อผู้เล่นที่ก่อความวุ่นวายตายลง
อุปกรณ์หรือไอเท็มของพวกเขาจะตกหนึ่งชิ้นไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม
เช่นเดียวกัน...ตรงจุดที่อันเดลตายก็ปรากฏเกราะเหล็กชิ้นหนึ่งหล่นอยู่บนพื้น
“หน้าต่างข้อมูล!”
เกราะเหล็กหุ้มขา [Steel
Footwear]
|
|||
ประเภทชุดเกราะ/อาวุธ
|
รองเท้าเหล็ก
|
||
พลังป้องกัน
|
50
|
ความทนทาน
|
7/80
|
น้ำหนัก
|
30
|
การจำกัด
|
Str อย่างน้อย 150
|
เกราะหุ้มขาทำจากเหล็กที่มีคุณภาพดี แม้ว่าการเคลื่อนไหวจะลดลง
แต่คุณสามารถเชื่อมั่นในการป้องกันอันยอดเยี่ยมจนผลิตภัณฑ์จากหนังไม่สามารถเทียบได้
ความคล่องตัว-5 (Agility-5), ไม่มีบทลงโทษสำหรับอาชีพที่เกี่ยวข้องกับนักรบ(Warrior)
|
อาร์คเก็บเกราะเหล็กแล้วเริ่มตรวจสอบของที่บอสโกเลมคริสตัลดรอปออกมา
หมวกโกเลมคริสตัล [Magic]
|
|||
ประเภทชุดเกราะ/อาวุธ
|
หมวกหิน
|
||
พลังป้องกัน
|
40
|
ความทนทาน
|
50/50
|
น้ำหนัก
|
40
|
การจำกัด
|
Str อย่างน้อย 135
|
หมวกของโกเลมหินที่เอ่อล้นไปด้วยเวทย์มนต์คริสตัลอันแข็งแกร่ง
คุณภาพของวัสดุมีความแข็งแรงพอที่จะป้องกันการโจมตีจากกระบองเหล็กได้ และมันยังทำให้ความคิดของคุณปลอดโปร่งด้วยเวทย์มนต์อันทรงพลัง
Option : mana+100
|
ผลึกคริสตัล: แร่ที่เต็มไปด้วยมานาพบได้จากการเติบโตในร่างกายของโกเลมคริสตัล
|
เมื่ออาร์คหยิบคริสตัลก้อนนั้นขึ้นมาดู
แสงสว่างก็ส่องออกมาจากมือของเขาแล้วหน้าต่างข้อมูลใหม่ก็ถูกเปิดขึ้น
ด้วยความรู้ของคุณในเรื่องวัตถุโบราณ
คุณได้ค้นพบข้อมูลที่ซ่อนอยู่ของผลึกคริสตัล
หินผลึกที่พบนั้นเป็นคริสตัลเลือดซึ่งเป็นหนึ่งในวัตถุโบราณ
คริสตัลเลือดเป็นผลึกที่มีพลังช่วยในการรักษา
โดยจะมีการวิวัฒนาการตามธรรมชาติจากเศษหินซึ่งฝังอยู่ในร่างกายของโกเลมบ่มเพาะกลายเป็นผลึกคริสตัล
ด้วยคุณสมบัติที่สามารถฟื้นฟูมานาจึงมีคนจำนวนมากที่ใช้ร่างของโกเลมเป็นสิ่งหล่อเลี้ยงในการสร้างคริสตัลเลือดขึ้น
แต่การกระทำนี้กลายเป็นสิ่งต้องห้ามมานานแล้ว
คุณได้รับโบนัสสำหรับข้อมูลเกี่ยวกับความรู้เรื่องวัตถุโบราณ
- ความรู้เรื่องวัตถุโบราณ+5
- Intelligence+5
- ค่าชื่อเสียงเพิ่มขึ้น 30 แต้ม
|
เควสต์มีการอัพเดท
คำขอร้องจากนักเล่นแร่แปรธาตุเรย์มอนด์ " ความลับของคริสตัลเลือด
แร่ที่เรย์มอนด์ขอให้คุณตามหาคือคริสตัลเลือดซึ่งเป็นหนึ่งในวัตถุโบราณ
ดูเหมือนว่าเรย์มอนด์จะมีเป้าหมายในการสร้างคริสตัลเลือดโดยใช้ร่างของโกเลมเพื่อนำไปขายให้กับนักเดินทาง
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการสังเวยชีวิตโกเลมเพื่อใช้สร้างคริสตัลเพิ่มมากขึ้น
คุณจะต้องซักถามเรย์มอนด์ให้เขายอมรับสารภาพและแจ้งให้ทหารของแจ็คสันทราบ
ระดับความยาก : G
|
หลังจากที่อาร์คให้ความสนใจคริสตัลเลือดไปครู่หนึ่ง
เขาก็เบนสายตากลับมามองร่างที่นอนกองอยู่บนพื้นอีกครั้ง
ร่างของอันเดลไม่ได้หายไป
เมื่อผู้เล่นเสียชีวิตจากการ PVP นั้นจะมีบทลงโทษทำให้ร่างกายของเขาไม่หายไปเป็นเวลา
24 ชั่วโมงและพวกเขาก็ไม่สามารถล็อคอินเข้าเกมในช่วงเวลานี้ได้
ซึ่งระบบที่ว่านี้เป็นการป้องกันเพื่อไม่ให้คนที่มีปัญหาในเกมออนไลน์ตามมาแก้แค้นฝ่ายที่ชนะซ้ำแล้วซ้ำเล่า
และยังเป็นโอกาสที่ให้เวลาแก่ผู้ชนะได้เบิกบานใจกับชัยชนะที่ตนได้รับ
ยังไงก็ตาม...บทลงโทษนี้มีความหมายกับอาร์คเป็นอย่างมาก
“แล้วจะได้เห็นดีกันงั้นเหรอ? ฮ่าๆ ตลกชิบหาย
แล้วแกจะได้รู้ว่ามาตอแยผิดคนแล้ว”
***
อาร์ครีบกลับไปที่ปราสาทแจ็คสันทันที
ขณะที่เขากำลังรอเวลาที่เหมาะสมอยู่ใกล้ๆ
กับสถานพยาบาล ร่างอันเดลก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมแสงสีขาว
เป็นอย่างที่อาร์คคิดไว้
การจะกำหนดสถานที่ในการฟื้นคืนชีพของไอ้หมอนั่นต้องเป็นที่ปราสาทแจ็คสันเพราะมันอยู่ใกล้กับดันเจี้ยนมากที่สุด
อาร์ครู้สึกว่าคุ้มค่ามากเมื่อเห็นร่างของคนที่ถูกปล้นรองเท้ายืนเกิดอยู่ตรงนั้น
อันเดลที่หันมาเห็นอาร์คถึงกับสะดุ้งอย่างตกใจจนตัวของเขาเริ่มสั่นน้อยๆ
“กะ...แกมันไอ้สารเลว…!”
“ทำไมอ่ะ...จะตกใจเพื่อ? แกไม่ได้บอกเองเหรอว่าให้รอแล้วจะได้เห็นดีกันน่ะ?”
อาร์คที่นั่งรออันเดลมาเกิดรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งไปหาอีกฝ่ายทันที
ถึงแม้ผู้เล่นจะเริ่มต่อสู้กันแถวฝั่งขวาของด้านหน้าของหมู่บ้านแต่พวกทหารก็ทำเป็นหลับหูหลับตามองไม่เห็น
นั่นคือบทลงโทษอีกอย่างของผู้เล่นที่สร้างความวุ่นวายให้แก่คนอื่น
โดยปกติแล้วถ้าผู้เล่นต่อสู้กันใกล้ๆ
หมู่บ้าน พวกเขาจะถูกทหารเข้ามาโจมตี แต่มันก็มีข้อยกเว้นอยู่
ซึ่งข้อแรกก็คือหากผู้เล่นปกติโจมตีผู้เล่นที่ก่อความไม่สงบ
การต่อสู้แบบนี้ถ้ายิ่งอยู่ไกลจากพวกทหารมากขึ้นก็ยิ่งเป็นประโยชน์สำหรับผู้เล่นปกติ
เมื่อผู้เล่นปกติถูกกดดันจนต้องถอยหนี
สิ่งที่พวกเขาต้องทำคือการหนีเข้าไปในหมู่บ้าน
แต่สำหรับผู้เล่นที่ก่อความไม่สงบนั้นไม่สามารถเข้าไปในหมู่บ้านหรือไล่ล่าอีกฝ่ายเข้าไปข้างในได้
แต่ทว่าสำหรับอีกฝ่ายนั้นกลับเป็นข้อยกเว้น
นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมผู้เล่นถึงกลัวจะเผลอไปสร้างความวุ่นวายแล้วถูกหมายหัวนั่นเอง
อาร์คโจมตีใส่อันเดลอย่างโหดเหี้ยม
มันเหมือนกับการต่อสู้ของพวกเขาก่อนหน้านี้ไม่มีผิด
อันเดลถูกโจมตีคริติคอลอย่างต่อเนื่องไปเรื่อยๆ
ด้วยทักษะของอาร์คที่ทำงานเมื่อตกอยู่ในสภาะวิกฤตอันไร้เทียมทานผ่านพลังของผ้าคลุมที่เขาสวมใส่
บทลงโทษจากการถูกผู้เล่นด้วยกันฆ่านั้นจะทำให้ค่าสถานะลดลงถึงสองเท่า
ดังนั้นมันจึงหมายความว่าค่าสถานะของอันเดลจะถูกหักทีละ 2 จุด
นอกจากนั้นอันเดลยังมีพลังป้องกันที่ลดลงซึ่งเป็นผลมาจากเกราะส่วนขาที่หายไป
หลังจากถูกโจมตีอย่างต่อเนื่องร่างของเขาก็ทรุดลงอย่างอ่อนแรง
อันเดลไม่เหมือนกับอาร์คที่สามารถใช้สกิลได้อย่างแท้จริง
ความแข็งแกร่งของเขานั้นมาจากค่าสถานะและไอเท็มที่สวมใส่เพียงเท่านั้น
“มึงมันไอ้หน้าตัวเมีย มึงต้องไม่ตายดีแน่...” อันเดลพูดขึ้นก่อนที่ร่างของเขาจะดรอปเกราะเหล็กออกมา
‘อย่าทำให้ขำมากไปกว่านี้เลย แกไม่รู้หรอกว่าฉันรอวันนี้มานานแค่ไหน!’
อาร์คหัวเราะคิกคักขณะที่เก็บไอเท็ม
หลังจากนั้นเขาก็ล่าสัตว์ที่ผ่านไปมาแถวจุดที่ตั้งเป็นค่ายพักแรมซึ่งอยู่ด้านนอกหมู่บ้านและรอคอยว่าเมื่อไหร่เวลา
24 ชั่วโมงจะผ่านไป ดูเหมือนว่าอันเดลจะคิดไม่ถึงว่าอาร์ครอให้เขาโผล่ไปเกิดที่นั่นอีกครั้ง
มันเป็นความเข้าใจผิดอย่างมหันต์
เมื่อเขาต่อสู้กับอันเดลที่ไม่มีทั้งเสื้อเกราะและรองเท้ายังไม่รวมถึงค่าสถานะที่หายไปถึง
4 จุด อาร์คก็ไม่ต้องใช้ความสามารถของเสื้อคลุมอีก สกิลนัยน์ตาแห่งแมวและดาร์คเบลดถูกเรียกใช้พร้อมกันอีกครั้ง
อันเดลได้แต่ทรุดหมอบและคงจะเริ่มตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะครั้งถัดมาเข้าไม่ได้ล็อคอินเข้าเกมแม้ว่าเวลาจะผ่านไป
24 ชั่วโมงแล้วก็ตาม
‘อา...ดูเหมือนว่าแกคงกำลังดูว่าฉันจะมีความอดทนมากขนาดไหนใช่มั้ย? แต่ถ้าแกเป็นหนึ่งในผู้สมัครล่ะก็...ยังไงซะก็ไม่มีทางที่จะทิ้งช่วงไม่ออนนานๆ
หลายวันได้หรอก’
เป็นครั้งแรกในชีวิตของอาร์คที่เขาขอลางาน
เท่าที่เคยจำได้เขาไม่เคยลาหยุดเป็นอาทิตย์มาก่อน
‘ถ้าแกมาหาเรื่องฉัน แน่นอนว่าฉันจะตอบแทนให้สาสมเลยล่ะ’
“ได้โปรด...ขอให้ฉันพูดอะไรซักนิดเถอะ...ฉันอยากจะขอโทษ...อภัยให้ฉันเถอะนะ?”
อันเดลที่ล็อคอินเขามาอีกครั้งหลังจากผ่านไป 30
ชั่วโมงพูดขึ้นอย่างอ่อนน้อมเจียมตัว
ถึงจะทำตัวน่าสงสารขนาดไหนแต่อาร์คก็ทำเป็นไม่สนใจ
เขาโจมตีอันเดลจนดรอปถุงมือไว้ และหลังจากที่ฆ่าไปอีกสองครั้งร่างของนักรบหนุ่มที่เคยใส่ชุดเกราะเหล็กที่แข็งแกร่งสง่างามก็เหลือแต่ตัวเปล่าเปลือยล่อนจ้อน
แม้ว่าอันเดลจะพยายามอ้อนวอนขนาดไหน
แต่สุดท้ายแล้วอาร์คก็ไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียวเขายกดาบขึ้นสู้
และหลังจากนั้นเมื่อไหร่ที่อันเดลล็อคอินเข้ามาอีกเขาก็จะเริ่มโจมตีอีก จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่อันเดลจะเปลี่ยนไปใส่ชุดและอาวุธใหม่
อาร์คสู้กับอันเดลราวกับเป็นเรื่องปกติคล้ายกับจะจัดการอีกฝ่ายให้ย่อยยับ
อาร์คฆ่าอันเดลไปทั้งหมด
6 ครั้งในช่วงวันหยุด ถ้ารวมทั้งหมดก็เป็น 8 ครั้ง
แน่นอนว่าอันเดลที่แพ้นั้นสูญเสียเซ็ตชุดเกราะเหล็กทั้งหมดรวมไปถึงดาบที่เป็นอาวุธของเขาด้วย
แต่พอตายครั้งที่ 7
ก็ไม่มีอุปกรณ์หรือไอเท็มอะไรดรอปอีกดังนั้นของในกระเป๋าของเขาจึงเริ่มตกออกมาแทน
ค่าสถานะของอันเดลหายไปถึง
96 จุดถือว่าหมดตัวอย่างแท้จริง
ขณะที่อาร์คซึ่งกำลังรอให้อีกฝ่ายมาเกิดก็ฆ่าเวลาด้วยการล่ามอนสเตอร์จนมีระดับเพิ่มขึ้น
2 เลเวล ถึงตอนนี้อาจจะเรียกว่าการต่อสู้ไม่ได้อีกต่อไป
เพราะดูเหมือนกับว่าอาร์คเอาแต่ฆ่าอีกฝ่ายลูกเดียว
สุดท้ายแล้วดูเหมือนว่าอันเดลเองก็หมดใจเช่นกัน
เขาเพิ่งล็อคอินเข้ามาอีกครั้งหลังจากผ่านไปแล้วถึง 2 วัน
ตอนนี้อันเดลถูกบังคับให้ต้องเลือกระหว่างพยายามฟื้นคืนค่าสถานะ
96 จุดโดยการล่าหนูหรือไม่ก็เลิกเล่นเกมนี้ซะ
แต่ไม่ว่าสิ่งไหนที่เขาเลือกมันก็ยากที่จะทำให้เขาผ่านการทดสอบอยู่ดี
“เอาล่ะ...ถึงจะยังไม่สาสมกับสิ่งที่แกเคยทำกับฉันไว้
แต่คราวนี้ฉันจะปล่อยแกไปก่อน”
อาร์คพูดเหมือนให้อภัยอันเดลที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งราวกับเขาเป็นคนใจกว้าง
ก่อนจะหันไปทางอันเดลที่ทำหน้าหมดอาลัยตายอยากอย่างข่มขู่ก่อนจะตะคอกใส่
“แต่ถ้าฉันเห็นแกอีกครั้งหน้ามันไม่จบแบบนี้แน่ ถึงตอนนี้ฉันจะยอมหยุด
แต่ถ้าฉันเห็นแกที่อื่นอีกฉันจะฆ่าแกจนค่าสถานะเหลือแค่ 1 เลยคอยดู!”
ใบหน้าของอันเดลซีดเผือดด้วยความหวาดกลัว
*** End of Chapter ***
.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น