วันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2559

เล่ม 2 ตอนที่ 01 : กองกำลังข้ารับใช้พิเศษ







อาร์คเดินตามแสงที่ส่องจากกระจกมาเรื่อยๆ การเดินทางอันยาวไกลของเขานั้นกลายเป็นสิ่งที่ซ้ำซากจำเจในแต่ละวัน
แสงที่ส่องออกมาจากกระจกบานเล็กที่ถือในมือนั้นทำหน้าที่เป็นเข็มทิศบอกทิศทางในยามกลางคืน
นับตั้งแต่ที่เขาได้เดินทางมาตามแสงปริศนานั้น ส่วนใหญ่มันจะฉายแสงเป็นเส้นตรงและสิ้นสุดลงตรงทางบนภูเขาทั้งสิ้น ดังนั้นเมื่อแสงหายไปทำให้เขาไม่สามารถหาทิศทางและเดินทางต่อได้เลย
ด้วยเหตุนั้นเมื่อเขาออกเดินทางมายังภูเขาอันโหดร้ายที่อยู่รอบๆ อาณาเขตของแจ็คสันนั้น ด้วยความที่กระจกนั้นส่องแสงบอกทางเฉพาะในเวลากลางคืนแบบนี้ มันจึงทำให้เขาเสี่ยงต่อการหลงทางและเจอกับมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งกว่าในช่วงกลางวัน ซึ่งเป็นมอนสเตอร์ที่ว่านี้ก็มีระดับสูงกว่าปกติเป็นอย่างมาก
ยกตัวอย่างเช่น หมาป่ามากัลนั้นความสามารถของมันคือพลังป้องกันที่อยู่ในระดับสูงมาก นอกจากนั้นก็ยังมีเสือเบงกอลที่มีพลังโจมตีและเขี้ยวยาวโง้งอันแข็งแกร่งคอยซุ่มโจมตีเขาอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามอาร์คได้เพิ่มระดับมาให้ได้มากที่สุดจากการเข้าไปเก็บเลเวลยังชาโดวฟอเรสต์ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีมอนสเตอร์ระดับสูงสุดในอาณาเขตแจ็คสัน  ที่นั่นไม่มีศัตรูที่แข็งแกร่งเทียบเท่ากับอาร์คได้อีกแล้ว แม้แต่ยมทูตที่เป็นบอสระดับกลางก็ตาม
สถานการณ์เริ่มเปลี่ยนไปหลังจากที่อาร์คเริ่มเดินทางได้หนึ่งอาทิตย์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาสองวันในโลกเป็นความจริง
หมาป่ามากัลและเสือเบงกอลเริ่มโจมตีเขาน้อยลงเรื่อยๆ
ประสบการณ์ของอาร์คบอกให้เขารู้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
ดูเหมือนเราจะพ้นอาณาเขตของมันมาแล้ว
มันก็เหมือนกับมนุษย์ มอนสเตอร์เองก็มีการแบ่งแยกเช่นเดียวกัน หรืออีกนัยหนึ่งก็คือมอนสเตอร์ขนาดเล็กถูกกำหนดให้ไม่สามารถออกไปยังพื้นที่อื่นได้  หรือถ้าหากมันออกไปจากพื้นที่ที่ถูกกำหนดไว้ก็อาจจะเจอกับศัตรูทางธรรมชาติที่มีความสัมพันธ์ขัดแย้งกันอย่างพวกหนูและหมาป่า เมื่อพวกมันเจอกันก็จะต่อสู้กันเอง
อาร์คก็รู้สึกดีใจที่มีระบบนี้อยู่ เพราะมันทำให้มอนสเตอร์ที่พบเขานั้นจะเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติ
แต่ความจริงแล้วการที่หมาป่ามากัลและเสือเบงกอลที่ซุ่มโจมตีลดลงนั้นก็หมายความว่าอาณาเขตนั้นได้เปลี่ยนไป
มอนสเตอร์ชนิดไหนนะที่ครองอาณาเขตนี้อยู่?’
มันอาจจะเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายถ้าหากเขาเจอกับมอนสเตอร์ที่มีระดับสูงอย่างกะทันหัน
ค้างคาว แกไปดูรอบๆ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นรีบกลับมาบอกฉันทันที
รับทราบนายท่าน
อาร์คใช้ค้างคาวเพื่อเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้นในขณะที่เขาเดินผ่านป่า ไม่นานนักเขาก็เห็นมอนสเตอร์ไม่กี่ตัวที่อยู่ระหว่างกิ่งพุ่มไม้หนา
มันมีหน้าตาเหมือนสุนัขแล้วก็ร่างกายเหมือนกับมนุษย์ พวกมันคือโนล (Gnolls)!’
โนลสามตัวยืนน้ำลายไหลยืดขณะกำลังต้อนมอนสเตอร์ที่ดูเหมือนเสือเบงกอลซึ่งกำลังตกอยู่ภายใต้เปลวไฟ นั่นก็หมายความว่ามันต้องแข็งแกร่งมากพอที่จะล่าเสือเบงกอลแบบนี้ได้
เสือเบงกอลไม่ใช่ศัตรูที่อ่อนแอ ถ้าพวกโนลแข็งแกร่งกว่าเสือตัวนี้ พวกมันที่เป็นศัตรูกันก็ไม่น่าข้ามเขตมากะทันหันแบบนี้
เราจะทำยังไงดี? เราควรจะสู้กับมันดีมั้ยนะ อืมม?’
ขณะที่อาร์คกำลังคิดวางแผนอยู่นั้นเอง โนลตัวหนึ่งก็เงยหน้าขึ้นแล้วเปล่งเสียงโหยหวนออกมา
กรรรรร
นี่มันมนุษย์ ข้าได้กลิ่นของมนุษย์!
ไปจับมากินกัน เนื้อมนุษย์อร่อยที่สุด
มันเป็นความผิดพลาดที่เขาซ่อนตัวอยู่ใต้ลม พวกโนลที่มีประสาทสัมผัสไวในการดมกลิ่นจึงยกกระบองไม้ของมันขณะพยายามใช้จมูกสูดกลิ่นหาเขาไปมา
บ้าชิบไม่มีทางเลือกแล้ว กะโหลก ค้างคาว พวกแกมาช่วยฉัน!” อาร์คเหวี่ยงดาบของเขาโจมตีใส่โนลที่กระโจนออกมาจากพุ่มไม้
ร่างของมอนสเตอร์ครึ่งหมาครึ่งคนที่ซุ่มโจมตีอาร์คนั้นถูกดาบที่ติดคริติคอลของเขาฟันกระแทกจนกระเด็นกลับไปอีกฝั่ง
นัยน์ตาแห่งแมว!
เมื่อม่านตาของอาร์คถูกปกคลุมด้วยสีทองข้อมูลและจุดอ่อนของโนลก็แสดงขึ้นมาทันที
เลเวล 45 แต่มีจุดอ่อนเต็มไปหมด ถ้าเลเวลเท่านี้เราก็สู้กับพวกมันไหวน่า
กะโหลก ค้างคาว พวกเราจะมุ่งโจมตีไปที่จุดเดียวดาร์คเบลด!
อาร์คปลดปล่อยการโจมตีไปยังจุดอ่อนของโนล ค่าความเสียหายแสดงผลรอบๆ ตัวของมอนสเตอร์เลเวล 45 ในการต่อสู้เป็นกลุ่มนั้นสิ่งที่สำคัญก็คือการทุ่มเทกำลังในการโจมตีไปยังศัตรูเพียงหนึ่งเดียว มันจะทำให้ช่วยลดจำนวนของศัตรูได้
ด้วยทักษะนัยน์ตาแห่งแมวและสกิลดาร์คเบลดรวมไปถึงการประสานการโจมตีของข้ารับใช้ทำให้ได้รับโบนัสการเพิ่มขึ้น พลังชีวิตของโนลลดไปถึง 70 เปอร์เซ็นในทันที ทว่าขณะนั้นเองกลับมีสิ่งที่แปลกประหลาดเกิดขึ้น
โนลที่เหลือรักษาระยะห่างของพวกมันแม้ว่าเพื่อนร่วมทีมของมันจะถูกโจมตี ขณะที่อาร์คคิดว่ามันเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจนั่นเอง โนลทั้งสองตัวก็ยกคันธนูของมันขึ้นมา
พวกนักธนู!’
อาร์คไม่เคยสู้กับมอนสเตอร์ที่ใช้ธนูเลยจนถึงตอนนี้ ดังนั้นเขาเลยไม่เคยคิดถึงวิธีที่จะใช้ตอบโต้ที่เกี่ยวกับธนูเลย
บ้าเอ๊ยค้างคาวสกัดการโจมตีของมัน ถ้าแกป้องกันไม่ได้แกต้องกินอาหาร 5 รอบ!” ขณะที่อาร์คถูกจู่โจม ค้างคาวก็พุ่งชนเข้าที่หน้าของนักธนูพลางกรีดร้องเสียงแหลม
ว๊ากกกกก หยุดเดี๋ยวนี้ไอ้หัวหมา!
ปีกที่กางออกมาบังสายตาของโนลตัวหนึ่งทำให้ลูกศรถูกยิงออกไปพลาด แต่อีกตัวที่รอจังหวะอยู่ปล่อยลูกธนูพุ่งจมลงไปที่ไหล่ของอาร์ค

        คุณได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงจากจากลูกธนูของโนล 250 จุดความเร็วในการเคลื่อนไหวลดลงเป็นเวลา 30 วินาที
            
            มันเป็นสถานการณ์ที่เลวร้าย
ลูกธนูนั้นทำให้ความเร็วในการโจมตีของเขาลดลงและทำให้ความล้มเหลวในการโจมตีเพิ่มมากขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้น เพียงแค่ถูกโจมตีก็มีโอกาสที่จะได้รับสถานะผิดปกติอย่างเช่นถูกทำให้เชื่องช้าหรือเลือดออกได้
ขณะที่อาร์คกำลังยืนโอนเอนอยู่นั้นโนลตัวหนึ่งถือไม้กระบองพุ่งตรงใส่เขา การเคลื่อนไหวที่เชื่องช้าและร่างกายที่หนักอึ้งราวเขาว่ามีคนกำลังยื้อตัวเขาเอาไว้
บ้าเอ๊ย! ถ้าฉันถูกโจมตีครั้งหนึ่งมันจะต้องติดคริติคอลแน่ๆ
กั่ก กั่ก กั่ก!
พริบตานั้นหัวกะโหลกก็กลิ้งไปตรงฝ่าเท้าของโนลทำให้มันเผลอเหยียบกะโหลกจนเสียหลักและล้มลง ตอนนั้นเองแสงสีแดงเปล่งออกมาจากร่างกายของมัน
พร้อมกันนั้นหน้าต่างข้อมูลก็ปรากฏขึ้นมาพร้อมกับเสียงทำนองอันร่าเริง

ทักษะสะสมครบ 100 จุด สกิลนัยน์ตาแห่งแมวพัฒนาเป็นระดับกลาง
นัยน์ตาแห่งแมว (ระดับกลาง : เรียกใช้งาน) ด้วยนัยน์ตาแห่งแมวที่เพิ่มเป็นระดับกลาง คุณสามารถมองเห็นข้อมูลและจุดอ่อนของศัตรูได้
โบนัสของทักษะระดับกลาง ทำให้คุณมีโอกาสจัดการศัตรูด้วยการโจมตีดับเบิ้ลคริติคอลเป็นเวลา 3 นาที
+การมองเห็นในเวลากลางคืน
+การตรวจสอบค่าพลังชีวิต
+เห็นจุดอ่อนของคู่ต่อสู้
+มีโอกาสโจมตี Double critical
 ใช้มานา : 70 จุด
Double critical : ฝ่ายตรงข้ามจะตกอยู่ในสถานะป้องกันตัวเองเท่านั้น ซึ่งขึ้นอยู่กับสถานการณ์และปฏิกิริยาโต้ตอบของศัตรู มีโอกาสที่จะเกิด Double critical ได้เป็นเวลา 1-3 วินาที
ถ้าหากเกิด Double critical ในการโจมตีครั้งหนึ่งจะปรากฏคริติคอลดาเมจ 2 ครั้ง

 ‘โอกาสเกิดดับเบิ้ลคริติคอลงั้นเหรอ!’
ขณะที่ศัตรูถูกกำหนดให้ตั้งรับเพียงอย่างเดียว ทำให้มันเผยจุดอ่อนทั้งหมด!
การใช้สกิลนัยน์ตาแห่งแมวอย่างไม่หยุดหย่อนได้ให้ผลตอบแทนกลับมาแล้ว
อาร์คแทงดาบไปที่คอของโนลตัวนั้น

            คุณใช้ Double critical ได้สำเร็จ โบนัสเมื่อโจมตีร่วมกับหัวกะโหลกจะเพิ่มความเสียหาย 30%

เพียงแค่โจมตีครั้งเดียวพลังชีวิตของโนลก็ลดลงไปกว่า 20% หลังจากโจมตีไปอีกไม่กี่ครั้ง ร่างของโนลตัวนั้นก็สลายไปพร้อมเสียงกรีดร้องเสียงโหยหวน
สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปในทันที เมื่อโนลตัวที่ยืนขวางอยู่ด้านหน้าได้ตายไป จึงทำให้เหลือโนลเพียงอีก 2 ตัว ซึ่งหนึ่งในนั้นก็ถูกค้างคาวสกัดเอาไว้
ด้วยความสามารถของเราในตอนนี้ เราต้องมุ่งโจมตีไปมันไปที่ตัวเดียวเท่านั้น
เคล้ง!
อาร์คกะจังหวะเวลาที่ลูกธนูยิงมาแล้วใช้ดาบของเขาปัดออก ปฏิกิริยาโต้ตอบของอาร์คเฉียบคมและรุนแรงขึ้นเป็นผลมาจากการฝึกเทควันโดอย่างสม่ำเสมอ
ถึงเขาจะไม่ได้มีทักษะที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันเหมือนกับวอริเออร์ แต่การปัดป้องการโจมตีก็ไม่ได้ถือเป็นการป้องกันที่ดีมากนัก อย่างไรก็ตามในโลกใหม่มีการใช้กฏเช่นเดียวกับในโลกความเป็นจริงทำให้ความเสียหายลดลงน้อยกว่าครึ่งหนึ่งหากการโจมตีไม่ติดคริติคอล
ตราบใดที่เราไม่โดนการโจมตีที่ติดคริติคอล นักธนูพวกนั้นก็ทำอะไรเราไม่ได้’ อาร์คที่ติดสถานะเชื่องช้าอยู่รีบพุ่งตรงเข้าไปหานักธนูทันที
มันเป็นความคิดปกติที่มอนสเตอร์ซึ่งมีการโจมตีในระยะไกลจะอ่อนแอหากถูกโจมตีในระยะกระชั้นชิด! โนลตัวที่ยิงธนูใส่อาร์คกลายเป็นมอนสเตอร์ที่อ่อนแอทันที
ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงของค้างคาวมาจากอีกด้านหนึ่ง
ไอ้เจ้านายเฮงซวย! นี่สนใจข้าบ้างมั้ยห๊า!?” 
ค้างคาวที่สกัดโนลอยู่ลำพังในที่สุดมันก็ถึงขีดจำกัด ลูกธนูยิงเข้าที่หัวของมันก่อนจะสลายไปแทบเท้าของโนลนักธนูตัวนั้น

       ทาสรับใช้ค้างคาวอาฆาตได้ถูกส่งตัวกลับไปยังนรก คุณได้รับความเสียหายจากการตายของทาสรับใช้ทำให้พลังชีวิตลดลง 50 %

อาร์คที่พลังชีวิตถูกหักไป 100 จุดนั้นรู้สึกเสียววาบราวกับมีไฟฟ้าวิ่งปลาบผ่านเข้าสู่ร่างกาย
ความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิดทำให้อาร์คตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายเป็นอย่างมาก
ขณะที่เขากำลังต่อสู้กับโนลนักธนูตัวหนึ่ง โนลอีกตัวที่เป็นหลุดจากการสกัดกั้นของค้างคาวก็ยิงธนูใส่จากทางด้านหลังของอาร์ค
สถานะที่ผิดปกติทำให้เขามีจุดอ่อน
เราต้องตายแน่ๆ ถ้าโดนโจมตีตรงๆ
พริบตานั้นอาร์คก็คว้าหัวกะโหลกขึ้นมา
ลูกธนูที่โจมตีมานั้นทะลุหน้าผากของหัวกะโหลกอย่างรุนแรง ส่งผลทำให้มันถูกส่งตัวกลับไปยังนรก ในทันที
พลังชีวิตของเขาลดลง 100 จุดแต่ถ้าเขาโดนลูกธนูโจมตีเขาต้องตายไปแล้วแน่ๆ
ไอ้สารเลวเอ๊ย! ฉันจะให้แกตอบแทนเพื่อแก้แค้นให้กับหัวกะโหลกกับค้างคาวให้ได้!” 
ความจริงนั้นอาร์คไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดแบบนี้ (TL : เพราะมันเองนี่แหละที่ทำให้ลูกน้องตายเอง)
หลังจากนั้นอาร์คปัดลูกธนูที่โนลนักธนูได้ยิงออกมาและรีบวิ่งเข้าไปโจมตีตัวที่อยู่ด้านหน้าทันที
ดาร์คเบลด!
ฮว๊ากกกกก เจ้ามนุษย์...รอก่อนเถอะแล้วเราจะเห็นดีกัน!” เสียงกรีดร้องโหยหวนของมันดังก้องก่อนที่ร่างของมันจะสลายไป
หลังจากต่อสู้ราวๆ หนึ่งนาทีในที่สุดเขาก็จัดการโนลนักธนูตัวสุดท้ายได้สำเร็จ
เฮ้อ...ในที่สุดเราก็ชนะมันจนได้” อาร์คทิ้งตัวนั่งลงบนพื้นก่อนจะสูดลมหายใจลึกเข้าปอด
ตอนนั้นเองแถบค่าประสบการณ์ของเค้าที่ค้างอยู่ที่ 92% ก็เพิ่มมาเป็น 100% พร้อมกับเสียงดนตรีเสียงร่าเริงที่บ่งบอกว่าเลเวลของเขาได้เพิ่มขึ้น
โนลให้ค่าประสบการณ์มากมายเมื่อเทียบกับระดับของมัน นอกจากนี้โนลยังเป็นมอนสเตอร์ที่รวมตัวกันเป็นกลุ่ม มันเป็นศัตรูที่ไม่ได้ออกล่าเหยื่อเพียงลำพัง ด้วยการจัดการกับมอนสเตอร์ที่เป็นกลุ่มร่วมกับทาสรับใช้ที่ช่วยเสริมการโจมตีทำให้ได้รับโบนัสค่าประสบการณ์เพิ่มขึ้น 30%
แต่ว่าเขาไม่อาจดีใจจนเหลิงได้
บ้าเอ๊ย! เราจัดการพวกโนลลำบากแน่ๆ ยิ่งเจ้าสองตัวนั่นตายไปแบบนี้
ถ้าโนลแค่หนึ่งหรือสองตัวมันก็ไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาคือโนลพวกนั้นมักจะมีการรวมตัวกันเป็นกลุ่มนอกจากนั้นพวกมันก็ยังมีรูปแบบในการโจมตีด้วย
ยังดีที่มันไม่ได้มีหัวคิดในการวางแผนต่อสู้อะไรมากนัก ยังไงซะมันก็เป็นแค่มอนสเตอร์ที่มีหัวเป็นสุนัข อย่างมากสุดตัวนักธนูจะยิงลูกธนูมาจากระยะไกล ในขณะที่ตัวที่เป็นนักรบก็จะเป็นตัวชนกันเขาเอาไว้ มันเป็นกลยุทธ์ที่เรียบง่ายมาก
ยังไงก็ตามประสิทธิภาพของมันไม่ได้เรียบง่ายตามไปด้วย
ถ้าหากอาร์คไม่ตั้งใจต่อสู้ตอนที่อยู่ตัวคนเดียวล่ะก็เขาคงจะกลายเป็นเม่นก่อนที่จะจัดการกับโนลนักรบก็ได้
แน่นอนว่ามันจะไม่ใช่ปัญหาถ้าหากว่าอาร์คเดินทางมากับปาร์ตี้
แต่ว่าอาร์คที่ถูกทำลายความไว้วางใจจากผู้เล่นด้วยกันจนจำฝังเข้ากระดูกดำไปแล้วนั้นต้องการที่จะหลีกเลี่ยงการเข้าร่วมปาร์ตี้หากเป็นไปได้
และถึงแม้ว่าอาร์คจะอยากเข้าร่วมปาร์ตี้ แต่คงไม่มีผู้เล่นคนไหนที่อยากจะมายังพื้นที่ที่ห่างไกลแบบนี้เพื่อช่วยเขาแน่ๆ ใครจะอยากเดินทางแบบไม่รู้จุดหมายเพื่อทำเควสต์กัน?
มันจะดีกว่าถ้าเราหลีกเลี่ยงการปะทะกับพวกโนลจนกว่าเราจะเรียกเจ้าสองตัวนั้นออกมาได้
เขาจะต้องรอ 24 ชม. หรือเวลา 3 วันในเกมเพื่อที่จะเรียกข้ารับใช้ทั้งสองออกมาได้อีกครั้ง
นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ออกจากแจ็คสัน ที่เขาถูกโจมตีจากทางด้านหลัง
และมันก็เป็นครั้งแรกที่ข้ารับใช้ทั้งสองตัวของเขาตายจนถูกส่งกลับไปที่นรกเกือบจะพร้อมๆ กัน อาร์คไม่เคยรู้ว่าพวกมันมีประโยชน์ยังไงจนกระทั่งพวกมันได้หายไป
สำหรับค้างคาวนั้นความสามารถในการสอดแนมและการดึงความสนใจของศัตรูขณะที่มีมอนสเตอร์อยู่รอบๆ นั้น ยังไม่รวมไปถึงโบนัสที่ได้จากการต่อสู้ร่วมข้ารับใช้ ชายหนุ่มไม่เคยรู้ว่ามีความพิเศษแบบนี้อยู่เลยซักนิด พอพวกมันตายไปเขาก็จัดการกับมอนสเตอร์ยากกว่าเดิมเป็นสองเท่า แล้วยังใช้เวลามากกว่าเดิมในการจัดการกับเสือเบงกอลตัวละ 3-4 นาทีจากตอนแรกที่จัดการพวกมันนั้นใช้เวลาแค่ 1-2 นาทีเท่านั้น แล้วเขาก็ไม่รู้สึกว่าค่าประสบการณ์ของเขาเพิ่มขึ้นเลย
แต่สิ่งที่ทำให้อาร์ครู้สึกงุนงงกลับเป็นสิ่งอื่น
บ้าชิบ...ทำไมการล่ามอนสเตอร์ในตอนนี้ถึงได้น่าเบื่อแบบนี้กันนะ?’
อาร์คล่ามอนสเตอร์โดยไม่หยุดพัก เมื่อมอนสเตอร์ปรากฏตัวขึ้นเขาก็จัดการมันด้วยดาบซึ่งเป็นวิธีที่ร่างกายของเขาคุ้นชินกับการใช้งาน เขาก้มลงเก็บไอเท็มและส่วนผสมอาหาร หลังจากนั้นเขาก็ซัมมอนไข่ปรโลกออกมาในยามว่างและทำอาหารให้มันดูดซึม แต่ก็ไม่มีอะไรแตกต่างไปจากก่อนหน้านี้ ไม่มีอะไรที่น่าตื่นเต้นเลยแม้แต่น้อย
ฉันอยากจะบ้า
อาร์คถอนหายใจออกมาอย่างผิดหวัง
ข้ารับใช้ก็เหมือนกับ NPC พวกมันมีความคิดเป็นของตัวเอง
หัวกะโหลกและค้างคาวต่างตอบสนองต่อความคิดของอาร์ค สำหรับกะโหลกนั้นมันคุ้นเคยกับการเชื่อฟังคำสั่งของอาร์คอยู่แล้วดังนั้นมันจึงทำตามโดยไม่ดื้อรั้นอะไรมากนัก แต่สำหรับค้างคาวเพียงแค่อาร์คดันตัวของมันให้บินออกไปสำรวจรอบๆ ด้วยน้ำหนักมือที่ค่อนข้างแรง มันก็จะเคืองใจจนบางครั้งมันก็จะไม่ยอมพูดกับเขาและเมื่อเริ่มต่อสู้มันก็จะรีบบินหนีไปอย่างรวดเร็ว
แต่ในบางทีถ้ามันอารมณ์ดีเพียงแค่นิดหน่อย มันก็จะเยินยอเขาจนแทบจะเลียรองเท้าบู๊ตของเลยทีเดียว และบางครั้งมันก็แนะนำให้เขาเห็นถึงสิ่งที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน
ทำไม NPC พวกนี้ถึงถูกตั้งค่าไว้อย่างซับซ้อนเรื่องมากแบบนี้กันนะ?’
ในตอนแรกเขายังไม่ได้ให้ความสนใจกับพวกมันแต่ละตัวมากนัก นอกจากนี้การเรียกมันออกมาใช้งานยังต้องเสียมานาอีกด้วย ทำให้การเรียกใช้ทักษะของเขามีข้อจำกัด เพราะอย่างนั้นในบางครั้งเขาก็สงสัยว่ามันจำเป็นจริงๆ เหรอที่เขาจะเรียกข้ารับใช้พวกนี้ออกมา
แต่ดูเหมือนอาร์คจะปรับตัวเข้ากับพวกมันก่อนที่เขาจะรู้ตัวเสียอีก
หลังจากที่พ่อของเขาตายไป ชายหนุ่มก็ยุ่งกับการทำงานหาเงินมากจนไม่มีเวลาออกไปเที่ยวกับเพื่อนเลย ดังนั้นเขาก็เลยเผลอเอาความเคยชินนี้มาใช้ในโลกใหม่ด้วย ยิ่งไปกว่านั้นเพราะประสบการณ์ตอนแรกในตอนเริ่มเกมของเขาไม่มีอะไรเลยนอกจากการถูกทรยศหักหลังและความไม่ไว้วางใจมันจึงเป็นตราประทับที่หยั่งรากลึกอยู่ในใจของเขาที่ต้องการหลีกเลี่ยงผู้เล่นด้วยกันตลอดมา
แต่ยังไงก็ตามอาร์คก็ยังคงเป็นมนุษย์
เขาต้องการอยู่เพียงลำพัง แต่มันก็ไม่สนุกเลย แม้จะได้อยู่ในโลกใหม่ที่เขาต้องการแต่บางครั้งเขาก็รู้สึกเหงาในขณะที่ต้องดิ้นรนและล่ามอนสเตอร์เป็นเวลาหลายวันในชาโดวฟอเรสต์ บางครั้งมันก็ทำให้เขาหายเหงาได้หลังจากที่มองเห็นข้ารับใช้ทั้งสองตัวอยู่รอบๆ ตัวเขา
อย่างน้อยที่สุดก็เห็นได้ชัดว่าหัวกะโหลกนั้นมีความจงรักภักดีต่ออาร์คอย่างแน่นอนและแม้แต่ค้างคาวที่ชอบบ่นไม่ยอมหยุดก็ยังอยู่เคียงข้างเขา
ข้ารับใช้ทั้งสองตัวนี้อยู่เคียงข้างเขาโดยไม่ต้องการสิ่งมีค่าใดๆ ตอบแทนกลับเลยซักนิด
พวกมันเป็นสิ่งที่อาร์คไม่สามารถพบได้ในความเป็นจริงหรือแม้แต่ในเกมอื่นๆ
มันเป็นเพราะว่าเขาไม่ได้รู้สึกตัวจนถึงตอนนี้ แต่ว่าสำหรับอาร์คแล้ว ข้ารับใช้พวกนั้นไม่ได้เป็นเพียงตัวละครที่มีบทง่ายๆ แต่มันเป็นเพื่อนที่เขาสามารถไว้วางใจได้
24 ชั่วโมงนี่...นานจังนะ
เป็นครั้งแรกตั้งแต่เล่นเกมมาที่เขารู้สึกว่าเวลามันช่างยาวนานเหลือเกิน
ตอนนี้ฉันจะไม่ยอมให้เจ้าพวกนั้นตายอีกเป็นครั้งที่สอง
ในที่สุดอาร์คคิดถึงข้ารับใช้ของเขาอย่างจริงจัง
บ้าชะมัด!


***



ในที่สุดเวลา 24 ชั่วโมงก็ได้ผ่านไป
ทันทีที่ถูกซัมมอน ค้างคาวก็ชี้ไปที่หัวของมันอย่างโกรธจัด
เจ้าเห็นมั้ยเจ้าไม่เห็นสินะข้าจะบอกว่าลูกกธนูมันเล็งเข้าที่นี่แล้วก็ปักเข้าไป! เจ้ารู้มั้ยว่ามันเจ็บมากแค่ไหนห๊าาาา?”
อาร์คไม่แปลกใจกับท่าทางของค้างคาวเลยสักนิด
เมื่อผู้เล่นถูกโจมตีได้รับความเสียหายพวกเขาจะไม่รู้สึกเจ็บปวด เพียงแต่รู้สึกเจ็บแสบเหมือนถูกไฟช็อตเล็กน้อย แต่สำหรับ NPC นั้นแตกต่างกัน ถ้าหากพวกเขาถูกเฉือนด้วยมีด พวกเขาจะรู้สึกถึงความเจ็บปวดจากการบาดเจ็บด้วยมีด ดังนั้นหากพวกเขาถูกโจมตีด้วยลูกธนูนั่นหมายความว่าพวกเขาจะรู้สึกถึงความเจ็บปวดอย่างล้ำลึกจากการถูกธนูทิ่มแทงเข้าไป
มันเป็นการตั้งค่าในการเขียนโปรแกรม แต่สำหรับ NPC ทุกสิ่งที่พวกเขาต้องเผชิญนั้นมันคือเรื่องจริง
ถ้าเจ้าเป็นเจ้านาย เจ้าก็ต้องดูแลพวกข้าไม่ใช่หรือนายท่านพวกข้าอดทนแม้แต่การทดลองอาหารอันน่ากลัวของเจ้า! แต่เจ้ากลับใช้พวกข้าเป็นโล่! ถึงแม้ว่าเจ้าจะเป็นเจ้านายของเรา แต่ข้าไม่ทนอีกต่อไปแล้ว! หัวกะโหลก! แกก็พูดอะไรบ้างสิ!
กั่ก กั่ก กั่ก กั่ก
หัวกะโหลกขบฟันของมันไปมาอย่างอารมณ์ไม่ดีเล็กน้อย
เห็นมั้ย! เจ้ามันแย่ขนาดไหนหัวกะโหลกถึงแสดงท่าทางออกมาขนาดนี้ ห๊า!?”
เอาล่ะฉันเข้าใจแล้ว ต่อไปฉันจะระวังมากกว่านี้
ฮึ่มมม กะแล้วว่าต้องเป็นแบบนี้...เอ๊ะเดี๋ยวนะ เมื่อกี้เจ้าว่าอะไรนะ?”
ค้างคาวสะดุ้งพลางถอยหลัง จากนั้นก็มองมาที่อาร์คด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความระมัดระวัง
ก็เหมือนกับที่นายพูดนั่นแหละ ฉันรู้สึกผิดมากเลย ฉันหมายความว่าอยากจะขอโทษด้วยน่ะ
อาร์คยกหม้ออาหารที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอมฟุ้งออกมา
ค้างคาวหน้าซีดเผือดมันรีบพูดแก้ตัวออกมาอย่างลนลาน
นะ...นายท่าน ข้าผิดไปแล้ว ข้าแค่อยากจะให้ท่านสนใจพวกเราบางนิดเดียวแค่นั้นเอง ดังนั้นแล้ว...แหะๆๆ ข้าไม่ได้พูดว่าจะไม่เชื่อฟังท่านเลยนะ เรื่องมันก็แค่นี้เอง ตอนนี้ข้าไม่มีอะไรจะพูดแล้วล่ะ...จริงๆ นะ
ไม่ต้องกังวลไปหรอก เพราะอาหารนี่รสชาติอร่อยเหาะเลย
เอ๋?” *ฟุด ฟิด* “นี่มันไม่ใช่อาหารที่เคยกินมาก่อนนี่นา?”
ค้างคาวเอียงหัวของมันหลังจากได้กลิ่นหอมโชยเข้ามาในจมูก มันยังสงสัยอยู่ว่าอาร์คอาจจะลงโทษมันอีกด้วยการทดลองชิมอาหารซึ่งเป็นวิธีที่สุดแสนจะน่ากลัว หลังจากที่อาร์คดันหม้ออาหารไปหามันโดยไม่มีการบอกกล่าวล่วงหน้า แต่เมื่อมันกลั้นใจดมกลิ่นดูก็ปรากฏว่าเป็นอาหารที่มันไม่เคยกินมาก่อน และมันก็ทำมาจากส่วนผสมที่มีประโยชน์ คุณสมบัติของอาหารนี้คือมันช่วยเพิ่มพลังชีวิต ความว่องไวเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง
พวกข้ารับใช้ทั้งสองตัวรู้สึกหิวโหยเป็นอย่างมาก พวกมันชอบกินอาหารที่อร่อย แต่สัญชาติญาณป้องกันตัวเองก็ถูกนำมาใช้ทันทีที่เห็นอาหารที่มาจากอาร์ค ค้างคาวจ้องมายังคนที่เป็นเจ้านายด้วยแววตาสงสัยก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอ
นะ...นี่ไม่มีพิษอยู่ในนั้นใช่มั้ย?”
แล้วฉันจะให้แกกินอาหารที่ผสมยาพิษไปทำไม?” อาร์คตอบอย่างขำๆ
ย๊ากกก!” ค้างคาวพุ่งตัวเข้าไปหาอาหารอย่างรวดเร็วก่อนจะเอาหัวจุ่มลงในหม้อ “มะ-ไม่มีพิษจริงๆ ด้วย
หลังจากนั้นอาร์คก็ทำอาหารแบบเดียวกันให้กับหัวกะโหลกอีกครั้ง ซึ่งหัวกะโหลกก็กินมันอย่างเอร็ดอร่อย
ในช่วงเวลาที่อาร์คอยู่เพียงลำพัง มันทำให้เขาได้ตระหนักถึงประโยชน์ของข้ารับใช้ของเขามากที่สุด
แน่นอนว่าเขาไม่อาจเลิกให้อาหารพวกมันได้ ตั้งแต่ที่เขาต้องการให้ข้ารับใช้นั้นพัฒนาความสามารถเพิ่มมากขึ้น เขาก็คิดว่าคงต้องมีการพูดคุยในแบบที่เป็นมิตรกับพวกมันในตอนนี้ได้แล้ว ก็เหมือนกับการใช้ทั้งไม้นวมและไม้แข็งกับพวกมันนั่นแหละ
ด้วยความดีอาร์คในครั้งนี้ จึงทำให้เขาได้รับข้อมูลที่ไม่คาดคิด

ความจงรักภักดีของทาสรับใช้ – คุณได้แสดงความรักและความจริงใจต่อทาสรับใช้ที่ถูกเรียกออกมามีผลทำให้ค่าสถานะของทาสรับใช้ทั้งหมดเพิ่มอย่างละ 1 จุดทักษะมิตรภาพเพิ่ม 1 จุด

ความจงรักภักดีเพิ่มขึ้น!
กระทั่งอาร์คก็รับรู้ได้ถึงความจงรักภักดีของข้ารับใช้ที่เปลี่ยนไป
ถึงหัวกะโหลกจะไม่ได้เปลี่ยนไปสักเท่าไหร่ แต่สำหรับค้างคาวถ้าเขาให้มันกินอาหารแย่ๆ เข้าไปค่าความซื่อสัตย์ของมันจะลดลงเล็กน้อยทุกครั้ง มันเลยเป็นสาเหตุที่ทำให้ค้างคาวมักไม่เชื่อฟังเขามากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงก่อนหน้านี้ ค่าความภักดีก็ไม่เคยเพิ่มขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว
'ดูเหมือนว่ามันจะเป็นผลมาจากค่าสถานะมิตรภาพที่ฉันเพิ่งได้รับมาใหม่'
อาร์คเข้าใจสถานการณ์ได้อย่างคร่าวๆ แล้ว
ค่าสถานะมิตรภาพที่เขาได้มันมาจากทักษะปาฏิหาริย์แห่งการรักษา!
ชายหนุ่มไม่เคยคิดเลยว่าทักษะนี้จะใช้ทำอะไรได้จนถึงตอนนี้ มันเหมือนไม่ได้ช่วยอะไรเลยตั้งแต่ตอนที่เขาพยายามเพิ่มความสนิทสนมกับ NPC ในหมู่บ้าน ถึงอย่างนั้นเขาก็เข้าใจถึงผลลัพธ์ของมัน
แต่นั่นก็ไม่ใช่ทั้งหมด ด้วยความสามารถในการปรุงอาหารเพื่อความอยู่รอดที่เพิ่มขึ้นแต่ละแต้ม ทำให้เขาสามารถปรุงอาหารชนิดใหม่ขึ้นมาได้ และมันก็เพิ่มขึ้นมาถึง 4 แต้ม
อาหารที่เขาปรุงนั้นมีความหมายอยู่ในตัวของมัน อาร์คปรุงมันขึ้นมาแทนคำขอโทษและคำขอบคุณที่มีต่อข้ารับใช้ ทำให้ได้รับโบนัสความชำนาญ
'การมีทัศนคติที่ดีส่งผลโดยตรงกับเกม'
ความจริงง่ายๆ นี้ เขาได้ลืมมันมานานแล้ว เหมือนกับจุดไต้ตำตอเลยทีเดียว
"หุหุหุ เจ้านาย...ดูเหมือนว่าในที่สุดเจ้าก็เห็นค่าของพวกเราซะที"
หลังจากที่ค่าความเป็นมิตรเพิ่มมากขึ้น ค้างคาวก็ทำตัวไม่เกรงใจเขาอย่างรวดเร็ว แต่อาร์คที่ได้ทำพลาดจนต้องรอไปถึง 24 ชั่วโมงแล้วก็ได้แต่ปล่อยให้มันทำตามใจไป
"จะว่าไป ฉันมีบางอย่างจะพูดกับพวกนายก่อนที่เราจะเริ่มสู้อีกครั้ง"
"อะไรงั้นเหรอนายท่าน?"
"ฉันคิดเรื่องนี้อย่างรอบคอบแล้ว จากการประเมินแบบคร่าวๆ ฉันคิดว่าพวกเราสู้มากเกินไป เลยทำให้มีปัญหาตอนที่สู้กับโนลครั้งสุดท้ายนั่น เพราะฉะนั้นจากนี้เป็นต้นไปเราจำเป็นจะต้องปรับปรุงการโจมตีประสานกัน มันจะทำให้มีโอกาสรอดมากขึ้นด้วย"
"การโจมตีประสานมันหมายความว่ายังไงเหรอนายท่าน?" ค้างคาวถามอย่างสงสัย
"ฟังนะ...ที่ฉันจะบอกก็คือเราจะต้องวางแผนกลยุทธ์ในการต่อสู้เผื่อต้องเจอสถานการณ์ที่ต้องต่อสู้กะทันหัน" อาร์คพูดกับข้ารับใช้ทั้งสอง "ก่อนที่จะสู้ ฉันไม่มีเวลาพอที่จะประเมินสถานการณ์ในตอนนั้นและใช้คำสั่งตั้งแต่ต้นจนจบได้"
นี่คือข้อสรุปที่อาร์คได้มา หลังจากที่ใช้เวลาคิดไปถึง 24 ชั่วโมง
อาร์ควางแผนกลยุทธ์รูปแบบต่างๆ ที่มุ่งเน้นการเตรียมพร้อมไว้ก่อนล่วงหน้าแล้วค่อยต่อสู้ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ออกคำสั่งอยู่ตลอดเวลา แต่ค้างคาวและหัวกะโหลกสามารถตัดสินใจในสถานการณ์ที่พวกมันเผชิญอยู่พร้อมทั้งเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ
มันเป็นวิธีที่เขาได้จากแรงบันดาลใจจากเกม FPS [T/N: First Person Shooter]
ใช่...ใช่แล้ว ข้าเข้าใจแล้วนายท่าน ท่านนี่ฉลาดจริงๆค้างคาวโพล่งขึ้นเสียงดังอย่างไร้มารยาทอีกครั้ง
อาร์คเริ่มค่อยๆ ชินกับท่าทางโอหังของมันขึ้นเรื่อยๆ
ตอนแรกๆ มันอาจจะซับซ้อนแล้วก็เกิดข้อผิดพลาดได้ ดังนั้นแล้วให้พวกนายใช้สี่วิธีนี้เพื่อจัดการกับศัตรู กลยุทธ์อย่างแรกก็คือการสังเกตการณ์โจมตีของศัตรูในขณะที่ต่อสู้นี่คือแผน A ในตอนที่ฉันกำลังสู้กับศัตรูตัวนึงอยู่พวกนายก็เบนความสนใจของศัตรูตัวอื่นๆ เอาไว้นี่คือแผน B ทีนี้หัวกะโหลกนายมาช่วยฉันสู้ ส่วนค้างคาวก็พยายามล่อตัวอื่นให้ออกไปไกลๆ อันนี้คือแผน C แล้วสุดท้ายก็คือแผน D มันเป็นสถานการณ์ฉุกเฉิน พวกนายต้องหยุดการต่อสู้ทั้งหมด หนีการโจมตีของศัตรูแล้วก็พยายามหาทางรอด พวกนายเข้าใจทั้งหมดที่ฉันพูดมั้ย?”
เข้าใจแล้ว ข้าชอบแผน D จังเลย
กั่ก กั่ก กั่ก
ค้างคาวและหัวกะโหลกต่างพยักหน้าแสดงความเข้าใจคำพูดของอาร์ค
งั้นตอนนี้มาลองซ้อมในการต่อสู้จริงกันดู!
อาร์คพาข้ารับใช้ทั้งสองออกเริ่มล่ามอนสเตอร์ทันที ในตอนแรกนั้นศัตรูก็คือหมาป่ามากัลหรือเสือเบงกอลที่มีระดับความยากค่อนข้างต่ำ
แผน B!
เมื่ออาร์คตะโกนขึ้นค้างคาวและหัวกะโหลกต่างก็พุ่งตัวออกไปเบนความสนใจของมอนสเตอร์ ขณะเดียวกันอาร์คก็โจมตีมอนสเตอร์จากทางด้านหลังลดจำนวนมันลงไปเรื่อยๆ จนเหลือมอนสเตอร์แค่ตัวเดียวเขาก็เปลี่ยนแผนอย่างรวดเร็ว
แผน A!
ค้างคาวกับหัวกะโหลกที่หลอกล่อมอนสเตอร์อยู่ก็หันไปโจมตีใส่มันทันที
นี่เป็นวิธีที่ทำให้เขาสามารถเปลี่ยนรูปแบบการโจมตีได้อย่างรวดเร็วและได้รับผลลัพท์ที่มีโอกาสประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก
แน่นอนว่าถึงแม้จะเกิดข้อผิดพลาดเล็กน้อยในครั้งแรกที่เริ่มใช้รูปแบบนี้ในการโจมตี แต่ค้างคาวที่หัวไวก็แก้ไขสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว แต่หัวกะโหลกที่หัวทึบกว่าจะเข้าใจคำสั่งก็ต้องใช้เวลาไปพักหนึ่ง ทำให้ในบางครั้งก็ทำให้จังหวะในการเปลี่ยนรูปแบบช้าลงเป็นอย่างมาก นอกจากนี้แผนของเขาก็ยังง่ายเกินไป มีหลายครั้งที่ดูเหมือนเป็นเรื่องยากที่จะให้ข้ารับใช้เข้ามาโจมตีร่วมด้วย
ในแต่ละครั้งที่มีความผิดพลาดเกิดขึ้น เขาก็ลงโทษพวกมันโดยการบังคับให้ทั้งสองตนต้องกินอาหารเข้าไปในปาก
มันเป็นอาหารทดลองสำหรับคนที่ทำผิดพลาด!
อ๊ากกกข้าสงสัยอยู่แล้วว่านายท่านจะกลายมาเป็นคนดีได้ยังไงกัน!” ค้างคาวโวยวายออกมา
กัก-กั่ก กั๊ก-กัก- กัก- กั่ก!
หลังจากกินอาหารเข้าไปค้างคาวกับหัวกะโหลกต่างกลัวจนหน้าซีดและคล้ายกับตกอยู่ในสภาวะวิกฤตหลายต่อหลายครั้ง ยังไงก็ตามตั้งแต่ที่พลังชีวิตสูงสุดของมันเพิ่มขึ้นทีละนิดๆ พวกมันก็เลยยังมีชีวิตอยู่รอดต่อไป ถึงแม้ว่าจะมีโอกาสเพียงเล็กน้อย แต่พวกมันก็พัฒนาขึ้นด้วยอาหารที่กินเข้าไปทำให้ทาสรับใช้มีค่าสถานะที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อาร์คยังคงตั้งใจสอนข้ารับใช้ทั้งสองอย่างอดทน ทั้งการเพิ่มกลยุทธ์หรือหาทางออกโดยการเปลี่ยนให้พวกเขาฝึกซ้อมในการต่อสู้จริงจนเริ่มดีขึ้นทีละน้อย
ด้วยความที่พวกมันต่างกลัวที่จะกินอาหาร ข้ารับใช้ทั้งสองจึงพยายามทำให้ดีที่สุดโดยการจดจำและทำตามกลยุทธ์ที่ได้เรียนรู้ เมื่ออาร์คใช้ทักษะพยาบาลได้อย่างถูกวิธีจึงทำให้ผลในการรักษานั้นออกมาเป็นสองเท่า ซึ่งความจริงแล้วถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่ทักษะในการต่อสู้ที่นำมาใช้ได้อย่างไม่จำกัด แต่มันก็เป็นสิ่งที่เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งในโลกใหม่
ในขณะเดียวกัน ทักษะการสั่งการข้ารับใช้ของอาร์คนั้นก็ยังมีส่วนที่ต้องปรับปรุงเช่นเดียวกัน
แผน D!
ถึงแม้ว่าจะต่อสู้อยู่แต่เขาก็รีบออกคำสั่งพลางตรวจสอบพลังชีวิตของลูกน้องไปด้วย และเมื่อไหร่ที่พวกมันจะหนีจากสถานการณ์คับขันที่เสี่ยงชีวิตเขาก็จะยกเลิกการซัมมอนเพื่อเป็นการช่วยชีวิตเอาไว้
ถ้าพวกมันเกิดตายขึ้นมา พลังชีวิตของอาร์คก็จะลดลงไป 50 เปอร์เซ็นจากพลังชีวิตสูงสุดของทาสรับใช้ และมันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะซัมมอนพวกมันทั้งสองขึ้นมาใน 24 ชั่วโมง แต่ถ้าหากว่าอาร์คยกเลิกการซัมมอนก็ไม่มีบทลงโทษอะไรเกิดขึ้น
ในทางกลับกัน เมื่อเป้าหมายของมอนสเตอร์ที่กำลังไล่ล่าอยู่กลับหายไป มอนสเตอร์พวกนั้นก็จะเกิดอาการสับสนอยู่ครู่หนึ่ง
ตอนที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอาร์คก็จะใช้ดาบโจมตีดับเบิ้ลคริติคอลใส่มันทันที
เมื่ออัตราการรอดชีวิตของพวกข้ารับใช้นั้นเพิ่มมากขึ้น พวกมันก็จะทุ่มเทต่อสู้อย่างเต็มกำลัง
นายท่าน...แบบนี้ถ้าเจ้ายกเลิกการซัมมอนหลังจากที่ข้ากำลังพุ่งเข้าใส่มันได้มั้ย? แต่เจ้าเรียกพวกข้าออกมาอีกครั้งทันทีเลยไม่ได้ใช่รึเปล่า? เจ้าลองทำดูหลังจากขว้างกะโหลกออกไปสิ ไม่ว่ายังไงพลังวิญญาณก็เต็มตลอดอยู่แล้ว แบบนั้นไม่ใช่ว่าเจ้าจะใช้มันในการต่อสู้ทุกๆ ที่สู้ครั้งหรอกเหรอ?”
ในบางครั้ง ค้างคาวที่กินอาหารจนฉลาดขึ้น ก็จะแนะนำกลยุทธ์ดีๆ ออกมา
'นี่เป็นวิธีโกงที่เยี่ยมมาก!'
วิธีของค้างคาวนั้นได้ผลเป็นอย่างมาก เมื่อมีมอนสเตอร์โผล่ออกมาอาร์คก็จะขว้างหัวกะโหลกใส่ตรงจุดอ่อนของมันในขณะที่ใช้ทักษะนัยน์ตาแห่งแมว ด้วยการลอบโจมตีนี้ทำให้ติดคริคอลอย่างไม่คาดคิด! หลังจากนั้นอาร์คค่อยยกเลิกการซัมมอนก่อนที่ศัตรูจะหันมาโจมตีหัวกะโหลกแล้วซัมมอนมันออกมาใหม่ หัวกะโหลกก็จะมาปรากฏตัวที่ข้างตัวของอาร์ค
"กรรรรรร?"
หลังจากใช้แผน A, B และแผน C บรรดามอนสเตอร์ที่ไม่เข้าใจสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นได้แต่พากันสับสนซึ่งอาร์คก็จัดการกับพวกมันทีละตัวได้โดยไม่ต้องใช้แผน D ด้วยซ้ำ
ที่ผลออกมาเป็นแบบนี้ได้ก็เพราะความพยายามอาร์คและข้ารับใช้ที่เข้ากันได้อย่างสมบูรณ์แบบ สองวันหลังจากนั้นการล่ามอนสเตอร์ก็เริ่มต้นขึ้นอีกครึ่ง อาร์คที่มีเลเวลเพิ่มมากขึ้นได้โผล่ไปยังกลางวงของพวกโนลกลุ่มหนึ่ง
"กรรร นั่นมันมนุษย์!"
"มนุษย์ผู้โง่เขลา เจ้ากล้าเข้ามาในดินแดนของเรา"
"พวกเราเริ่มใช้แผน C!" อาร์คตะโกนบอกแผนทันที
หัวกะโหลกและค้างคาวต่างแยกกันไปตามคำสั่งของอาร์คขณะที่พวกข้ารับพุ่งใช้เข้าไปกลางวงล้อมของศัตรูพลางหลอกล่อโนลนักธนูอย่างรวดเร็วนั้นอาร์คก็เรียกใช้สกิลดาร์คเบลดจัดการกับโนลนักรบ เสร็จแล้วเขาก็ยกเลิกการซัมมอนหัวกะโหลกที่กำลังตกอยู่ในอันตรายจากการก่อกวนจากตัวนักธนูที่โจมตีเข้ามาในเวลาเดียวกัน ขณะที่ชายหนุ่มกำลังต่อสู้กับโนลนักธนูนั้นค้างคาวก็บินต่ำเรี่ยพื้นระหว่างต้นไม้ไปมาเพื่อหลบลูกธนูที่ยิงมา
อาร์คที่จัดการกับโนลนักธนูด้วยการโจมตีรัวราวกับห่าฝนซัดใส่ก่อนจะซัมมอนหัวกะโหลกขึ้นมาอีกครั้งแล้วเปลี่ยนแผนใหม่อย่างรวดเร็ว
แผน A!
อาร์คกับข้ารับใช้ทั้งสองต่างพุ่งเข้าใส่โนลนักธนูตัวหนึ่งในเวลาเดียวกัน
ตอนแรกเขารู้สึกว่ามันยากที่จะสู้กับพวกโนล แต่สุดท้ายมันก็จบลงอย่างง่ายดายจนน่าเบื่อและการต่อสู้หลังจากนั้นก็เช่นเดียวกัน
ตามปกติแล้วพวกโนลจะอยู่กันเป็นกลุ่มสามถึงสี่ตัว แต่ก็มีบางครั้งที่โนลบางส่วนออกล่าหมาป่ามากัล พวกมันเป็นมอนสเตอร์ที่ฉลาดอาศัยการรอเพื่อนลอบซุ่มโจมตีแต่ในบางครั้งพวกมันก็เป็นฝ่ายบุกเข้าไปเหมือนกัน
มีบางครั้งที่เป็นแบบนี้แต่มันก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่พวกมันต้องต่อสู้กับมอนสเตอร์จำนวนมากถึง 6 ตัวในครั้งเดียว
ยังไงก็ตามกลยุทธ์ที่ใช้ความสามารถของข้ารับใช้นี้ได้พัฒนาเทียบเท่ากับราวกับหน่วยรบพิเศษของเกาหลีใต้
ถึงแม้จะเรียกว่าหน่วยรบข้ารับใช้พิเศษแต่พวกมันก็ขาดเขาไปไม่ได้ ที่เป็นแบบนี้ได้ก็เพราะพวกเขาต่างปรับเปลี่ยนแก้ไขกลยุทธ์ในแต่ละสถานการณ์เลยทำให้สามารถเอาชนะได้ไม่ยาก
มันเป็นผลลัพท์ที่ได้จากการปรับเปลี่ยนการโจมตีตามกลยุทธ์!
หลังจากที่จัดการมอนสเตอร์ที่รวมตัวเป็นกลุ่มบริเวณแถวๆ นั้นแล้ว ค่าประสบการณ์ของเขาก็เพิ่มสูงขึ้นมาก จนเมื่ออาร์คมีระดับเพิ่มขึ้นอีกเลเวล เขาก็เช็คข้อมูลของเขาจากหน้าต่างสถานะทันที
หน้าต่างสถานะ!

ชื่อตัวละคร
อาร์ค (Ark)
เผ่าพันธุ์
มนุษย์
อันดับ
ความดี+50
ชื่อเสียง
480
ระดับ
45
อาชีพ
ดาร์ควอล์คเกอร์
ฉายา
อัศวินแมวผู้ดูแล
เลือด
905
มานา
480 (+110)
พลังวิญญาณ
79 (+5)
โจมตีกายภาพ
146
คล่องแคล่ว
186 (+17)
พลังกาย
156
ป้องกันเวทย์
25
โจมตีเวทย์
91
โชค
36
ยืดหยุ่น
10
ศิลปะในการพูด
5
มิตรภาพ
11
ค่าสถานะพิเศษ : ความรู้เกี่ยวกับวัตถุโบราณ
20
เอฟเฟคของอุปกรณ์สวมใส่

ดาบแสงประกาย : ความเร็วในการโจมตี+5
ชุดเกราะหนัง Black Bear Mouse : ความคล่องแคล่ว+2ความต้านทานความหนาวเย็น+20
กรงเล็บแมว : ความเร็วในการโจมตี+10%, คล่องแคล่ว+15อัตราการเกิดคริติคอล+10%
หมวกโกเลมคริสตัล : มานา+100

*ความสามารถทั้งหมดจะเพิ่มขึ้น 20เมื่ออยู่ในความมืด
*ความสามารถในการหลบซ่อนตัวในที่มืดถือกำเนิดขึ้น (ใช้ได้ 10 นาที เมื่อต่อสู้จะถูกยกเลิก)
*ความต้านทานต่อความหวาดกลัว,ความมืด,สถานะตาบอด,และมนต์เสน่ห์เพิ่มขึ้น 50%
*คุณสามารถใช้ความสามารถที่แท้จริงได้กับอาวุธทุกประเภท


อาร์คใช้แต้มค่าสถานะ 30 จุดจากทั้งหมด 50 จุดที่ได้รับจากระดับที่ขึ้นมา 5 เลเวลลงไปที่ค่า Intelligence  มันเป็นค่าสถานะที่เขาไม่เคยเพิ่มเลยสักครั้งเพราะว่าตอนเพิ่งเริ่มเล่นนั้นเขาไม่จำเป็นต้องใช้มานา แต่ว่าตอนนี้เขาใช้มานาในการซัมมอนข้ารับใช้ทำให้เขาได้ตระหนักว่าการขาดแคลนมานาของตัวเองนั้นร้ายแรงแค่ไหน และถึงแม้ว่าเขาจะฟื้นฟูมานาได้ค่อนข้างมาก แต่เขาก็ยังมีมานาเพียงแค่ 480 จุด ถึงจะได้รับมานา +100 จากหมวกโกเลมคริสตัลแล้วก็ตาม เขาก็มีมานาเพียงแค่ 580 จุดเท่านั้น
นอกจากนี้ถ้ามีการต่อสู้เกิดขึ้น ข้ารับใช้ตนหนึ่งก็ต้องใช้มานา 1 จุดต่อวินาที ดังนั้นแล้วพวกมันก็จะมีเวลาแค่ 290 วินาที สรุปว่ามีเขาเพียงคนเดียวที่อยู่ทนได้นาน 5 นาทีทันทีที่การต่อสู้เกิดขึ้น ทางที่ดีคือต้องพยายามจบการต่อสู้ภายในเวลา 3 นาทีนั่นเอง
แต่ว่าเพราะเจ้าสองตัวนั้นเราก็ใช้สกิลอื่นไม่ได้เลย
สำหรับอาร์คแล้ว สกิลนัยน์ตาแห่งแมวและดาร์คเบลดนั้นเป็นสกิลที่สำคัญมาก แต่ว่าการจะใช้สกิลนัยน์ตาแห่งแมวเขาต้องจ่ายมานาถึง 50 จุด ในขณะที่ดาร์คเบลดใช้มานาถึง 100 จุด
เพราะว่ามันใช้มานามาเกินไปเลยทำให้เขาเรียกใช้ทักษะได้เพียงไม่กี่ครั้งถึงเขาจะมีมานาเต็มหลอดในตอนแรกก็ตาม แต่ที่แย่ไปกว่านั้น ตั้งแต่ที่เขาเลือกจะซัมมอนข้ารับใช้ออกมา หลายครั้งก็ยากจะตัดสินใจว่าจะซัมมอนพวกมันหรือใช้สกิลหนึ่งหรือสองครั้งแบบไหนถึงจะเหมาะสม เพราะการใช้สกิลของเขานั้นใช้ได้จำกัด มันเป็นสถานการณ์ที่แสดงให้เห็นว่าการอัพค่าสถานะของเขานั้นยังไม่ถูกต้อง
นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมชายหนุ่มถึงใช้ค่าสถานะ 30 จุดเพิ่มไปยังค่า Intelligence
ยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่ได้รู้สึกเสียดายแม้แต่น้อย
น่าชมเชยเจ้าบ้าสองตัวนั้นจริงๆ
สายตาของอาร์คขณะที่เขาจ้องมองข้ารับใช้ของตัวเองเต็มไปด้วยความรักใคร่เทียบไม่ได้กับความรู้สึกที่มีให้พวกมันไม่กี่วันก่อนอย่างเห็นได้ชัด
อาจจะเป็นเพราะเขาได้เห็นถึงการเติบโตตั้งแรกเริ่มของข้ารับใช้ทั้งสองนี้
สำหรับเจ้าพวกร้ายกาจทั้งสองตัวนี้ดูเหมือนว่าค่าสถานะจะไม่ใช่พลังในการโจมตีทั้งหมด แต่ว่าความสามารถของพวกมันจะเปลี่ยนแปลงได้นั้นขึ้นอยู่กับประสบการณ์เหมือนกับผู้เล่น
ในโลกใหม่นั้น ค่าสถานะไม่ได้เป็นตัวตัดสินในการต่อสู้
ประสบการณ์ของผู้เล่นและความคิดที่ไม่สามารถวัดผลเป็นตัวเลขทั้งหมดนั้นจะสะท้อนออกมาในการต่อสู้
ถ้ามองค่าสถานะของหัวและค้างคาวนั้นถือว่าต่ำเตี้ยเหลือคณา จะเอาชนะหมาป่าสักตัวได้รึเปล่ายังไม่ค่อยจะแน่ใจ
แต่ด้วยการสั่งสมประสบการณ์ในการต่อสู้ร่วมกับอาร์ค ค้างคาวและหัวกะโหลกได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถที่เกินกว่าเลเวลของพวกมัน
มันทำให้ข้ารับใช้ทั้งสองตนนั้นเป็นมากและมากกว่าที่พึ่งพาของเขา!
ยังไงก็เถอะ...ดูเหมือนว่าจากประสบการณ์การต่อสู้จากที่ผ่านมามันก็ไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่ ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นในการต่อสู้เป็นเรื่องที่ร้ายแรงมาก เพราะฉะนั้นแล้วทางที่ดีที่สุดก็คือการเพิ่มค่าสถานะของพวกมันเท่านั้นที่จะรับประกันว่ามันต้องเก่งขึ้นแน่ๆ
ด้วยเหตุนั้นนอกเหนือจากการล่ามอนสเตอร์แล้วอาร์คก็ให้ความสำคัญในการรวบรวมส่วนผสมวัตถุดิบเพื่อใช้ทำอาหารเพื่อความอยู่รอดซึ่งเป็นวิธีที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับข้ารับใช้ได้ ยังไงก็ตามตั้งแต่ที่ค้างคาวและหัวกะโหลกได้ฝึกกลยุทธ์ในการต่อสู้มันก็กลายเป็นเรื่องที่ยากขึ้นที่จะให้พวกมันกินอาหาร
คิคิคิ เป็นยังไงล่ะเจ้านายเจ้ารอดชีวิตเพราะข้าใช่มั้ยล่ะ?”
กั่ก กั่ก กั่ก กั่ก
 หลังจากที่พวกมันไม่ได้ตายและหายไปมัน ค้างคาวก็พูดอวดความสำคัญของมันขึ้นมาทันที
นี่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้น ทักษะของค้างคาวและหัวกะโหลกที่เพิ่งเรียนรู้ได้ไม่นานแต่กลับพัฒนาอย่างน่าทึ่งจนทำให้อาร์คไม่มีเหตุผลที่จะบังคับให้พวกมันกินอาหาร
มันเป็นความจริงที่ว่าถ้าเขาเลี้ยงพวกมันให้เติบโตเก่งกาจขึ้นเรื่อยๆ ค่าความภักดีซื่อสัตย์ของพวกมันก็จะลดลง [T/N: เพราะโดนจับกินอาหารประหลาดๆ เข้าไปนั่นเอง]
การจับคู่ที่ไม่สมดุลกันนี้ทำให้เขาถึงกับปวดหัว
อย่างไรก็ตาม อาร์คต้องการแนวทางที่ชัดเจนเพื่อที่จะรู้ถึงผลลัพท์และบทลงโทษที่แน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของค้างคาว การกดขี่ข่มเหงมันจะให้ผลตรงกันข้ามกับความจงรักภักดีที่น้อยลง มันเป็นระบบที่ชวนให้น่าหงุดหงิดใจ แต่อีกทางหนึ่งมันก็เป็นเหตุผลว่าทำไมอาร์คถึงเริ่มรู้สึกผูกพันกับพวกข้ารับใช้
"ฮึ่ม! ทำไมเจ้าไม่พูดอะไรเลยล่ะเจ้านายหรือว่าเจ้ากลัวว่าจะเสียคำพูด?" ค้างคาวโอ้อวดพลางไซร้ปีกของมัน
"อย่ามาตลก ฉันแค่พักสายตาเฉยๆ"
"ที่เจ้ารอดมาได้เนี่ย ต้องขอบคุณใครกันน้า?" มันยังคุยโวต่อไป
"ฉันหลบมันได้ไม่ต้องพึ่งนายด้วยซ้ำ" อาร์คตอบ
"ไม่จริงงง เจ้าคงไม่คิดเรื่องชวนเสี่ยงอันตรายอย่างการให้ข้ากินอาหารเถื่อนพวกนั้นอยู่หรอกนะ"
"แต่บางทีมันก็อร่อยออกนะ" อาร์คพยายามหลอกล่อ
"นั่นมันหนึ่งในสิบน่ะสิ!" ค้างคาวเลิกใจเย็นแล้วตะโกนออกมาทันที
"นั่นนายกำลังต่อต้านฉันเหรอบอกฉันสิว่านายจะไม่ขัดคำสั่งฉัน?"
"มะ...ไม่นี่ ข้าเป็นข้ารับใช้ที่แสนดีจะตาย!"
"เงียบไปเลย นายทำผิดนายต้องกินอาหารนะ" ความจริงแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร เพราะต่อให้ไม่มีเรื่องนี้เขาก็หาข้ออ้างอื่นมาบังคับให้มันกินอาหารอยู่ดี
ไม่นานนัก ค้างคาวที่กินอาหารเข้าไป ร่างกายของมันก็แข็งเกร็งก่อนจะร่วงลงสู่พื้น
หัวกะโหลกที่รอดพ้นการทดลองกินอาหารรู้สึกขอบคุณในความเสียสละของค้างคาวเป็นอย่างมาก
"เจ้า...ดะ...ดูถูกข้าเกินไปแล้ว...นายท่าน..."
"ฉันไม่ได้อยากทำแบบนี้เพราะว่าชอบหรอกนะ ที่ทำแบบนี้ก็เพื่อประโยชน์กับตัวพวกนายทั้งนั้น" อาร์คพูดอ่อยๆ พลางหลบสายตาของค้างคาวที่จ้องมา
ทุกอย่างเป็นไปอย่างน่าพอใจ ยกเว้นเพียงอย่างเดียวก็คือไข่ปรโลกที่ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ถ้าหากเขามีข้ารับใช้เพิ่มขึ้น มันก็คงช่วยเขาได้มาก
แต่ทุกครั้งที่เขาเอาอาหารให้มันกิน มันก็สั่นเบาๆ เหมือนเดิมทุกครั้ง เหมือนกับว่ามันทำได้แค่สั่นแล้วก็กลับไปเป็นเหมือนตอนแรกตลอด
"เมื่อไหร่เจ้านี่จะฟักซะที..." อาร์คเลียริมฝีปากพลางพูดพึมพำ
ทุกครั้งที่เขาเอาอาหารให้มันกิน ปฏิกิริยาของมันดูคล้ายกับว่ามีอะไรบางอย่างเหมือนจะฟักออกมาแน่ๆ แต่ว่าเมื่อเขามองค่าสถานะของค้างคาวหัวกะโหลกที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไข่ก็ยังเป็นแค่ไข่เหมือนเดิม ยิ่งไปกว่านั้นก็คือเขาไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าอาหารที่มันกินเข้าไปนั้นมีผลลัพท์เป็นยังไง ดังนั้นแล้วตั้งแต่ที่เขามีข้อจำกัดในการให้อาหารกับพวกข้ารับใช้เขาก็จะรู้สึกเสียใจเมื่อนำอาหารมาให้ไข่ฟองนี้กินทุกครั้ง
"ช่างเถอะ...ยังไงมันก็คงฟักซักวันนั่นแหละ"
จริงๆ แล้วตอนนี้เขาก็เกือบจะยอมแพ้ไปครึ่งทางแล้ว
"ที่สำคัญกว่านั้น คือตอนนี้เราต้องพยายามหาหมู่บ้านให้เจอ" อาร์คอุ้มค้างคาวที่นอนอยู่บนพื้นที่ติดสถานะอัมพาตขึ้นมาไว้ข้างๆ ตรงที่เขานั่ง


***


หลังจากที่พยายามเดินหาอยู่ครึ่งวัน ขณะที่อาร์คจัดการกับโนลกลุ่มหนึ่งได้ เขาก็พบหมู่บ้านในที่สุด
หมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณตีนเขาของภูเขาลูกหนึ่ง ตัวหมู่บ้านนั้นมีขนาดเล็กแต่กลับมีคนอยู่ในหมู่บ้านน้อยยิ่งกว่าน้อยซะอีก ที่นั่นมีบ้านอยู่แค่ประมาณ 40 หลัง แต่เพราะว่าคนส่วนใหญ่ไม่ได้อาศัยอยู่ที่บ้าน มันเลยเหมือนกับบ้านผีสิง เขามองไม่เห็นความมีชีวิตชีวาในหมู่บ้านเลย มีคนในหมู่บ้านเพียงแค่ 1-2 คนเท่านั้นที่เขาสังเกตเห็น
อาจเพราะว่ามันเป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ห่างไกลจากตัวเมือง เขาเลยไม่เห็นผู้เล่นคนอื่นอยู่ที่นี่เลยสักคน
แต่ถ้าหากไม่ใช่เพราะอาร์คเดินทางตัดผ่านภูเขามาเป็นเส้นตรงตามแสงที่กระจกส่องทางมาก็อาจจะไม่ได้เจอกับหมู่บ้านแห่งนี้ก็ได้ หรืออาจจะเป็นเพราะหมู่บ้านแห่งนี้มีอะไรมาทำให้บรรยากาศย่ำแย่ก็ได้ ยังไงก็ตามถึงแม้ว่าเขาจะยืนอยู่ในหมู่บ้าน แต่แผนที่ของเขาก็ยังไม่ได้แสดงว่าเป็นจุดหมายแต่อย่างใด
"ที่นี่มันรู้สึกไม่ค่อยดียังไงไม่รู้แฮะ" ค้างคาวที่เกาะอยู่บนไหล่อาร์คอดบ่นเสียงอ่อยๆ ออกมาไม่ได้
"เก็บปากของนายแล้วเงียบๆ ซะ"
ตอนที่อาร์คมาถึงหมู่บ้านเขาก็จับหัวกะโหลกกับค้างคาวมาไว้ตรงเอวไม่ก็บนไหล่ ทำเหมือนกับพวกมันเป็นเพียงเครื่องประดับธรรมดาๆ เท่านั้น เพราะเขาไม่อยากให้ใครรู้ว่าพวกมันเป็นมอนสเตอร์ที่เขาซัมมอนออกมาเพราะทั้งคู่เป็นอันเดดไม่ก็ปีศาจทำให้อาร์คกลัวว่าความน่าเชื่อถือของเขาอาจจะลดลงถ้าหาก NPC ในหมู่บ้านรู้เรื่องนี้
'เอาเถอะ...ถึงแม้ว่าเราอาจจะไม่มีเหตุผลให้ต้องกลับมาที่นี่เป็นครั้งที่สองก็เถอะ คงไม่น่าจะมีอะไรสำคัญสักเท่าไหร่...'
อาร์คกวาดตามองรอบๆ หมู่บ้านด้วยสายตานิ่งเฉย ถึงแม้ว่าภายในหมู่บ้านจะดูทรุดโทรม แต่ก็ถือว่าโชคดีที่มียังที่พักสำหรับนักเดินทางกับร้านค้าทั่วไปอยู่
'เฮ้อ...โล่งอกไปทีอาร์คถอนหายใจออกมาขณะที่มองไปยังกระเป๋าตัวเองที่ภายในนั้นว่างเปล่าไม่มีของเลยสักชิ้น
มันเป็นเพราะว่าเขาจดจ่อกับการล่ามอนสเตอร์โดยไม่หยุดพักเป็นเวลาหลายวัน นอกจากนี้เขาก็ยังพยายามรวบรวมวัตถุดิบในการทำอาหารเท่าที่จะทำได้  ถึงแม้ว่าขนาดกระเป๋าของเขาจะขยายใหญ่กว่าเดิมเล็กน้อยเพราะว่าสิ่งของที่เก็บไว้นั้นได้เปลี่ยนไป แต่ไอเท็มส่วนใหญ่ก็ถูกเก็บซ้อนเรียงเอาไว้เพราะเขาล่ามอนสเตอร์ในพื้นที่เดิมๆ นอกจากนี้เขาก็ยังทิ้งไอเท็มจำนวนหนึ่งไปด้วยเพราะว่าพื้นที่ในกระเป๋าไม่พอนั่นเอง
สุดท้ายแล้วหลังจากที่เขามาถึงหมู่บ้าน อาร์คก็เรียกดูไอเท็มที่ต้องโยนทิ้งไปด้วยน้ำตาที่นองหน้า
'เฮ้อ...ถ้าเราเอาทั้งหมดนั่นมาได้ มันต้องได้ไม่ต่ำกว่า 6 ทองแน่ๆ'
6 ทองนั้นมีค่าประมาณ 60,000 วอน (~ $60)
เขาเขวี้ยงเงิน 60,000 วอน ใส่พื้นแล้วก็เดินจากมันมา
เมื่อเขาดูมันก็ราวกับเห็นภาพ*ใบผักกาด 6 ใบที่เขารักมากถูกลมพัดกระชากปลิวออกไป เขารู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองใกล้จะเป็นบ้าขึ้นทุกที
[T/N: ใบผักกาดหมายถึงเงินวอน ที่มีมีจำนวน 6 ใบเพราะในเกาหลีธนบัตรที่มีสีเขียวนั้นมีมูลค่า 10,000 วอน ดังนั้นตั๋ว 6 ใบจึงรวมเป็นเงิน 60,000 วอน ]
เขาแทบจะไม่กล้าคิดถึงจำนวนเงินที่ต้องสูญเสียไป แต่ยังไงซะเขาก็ต้องอดทนเอาไว้มันก็เหมือนกับถ้าได้อย่างหนึ่งก็ต้องเสียอีกอย่างหนึ่ง
อย่างน้อยเราก็เจอหมู่บ้านนี้แล้วค่อยโล่งอกหน่อย’ อาร์คคิด
ตั้งแต่ที่เราเดินข้ามภูเขามาก็ไม่รู้เลยว่าเจอหมู่บ้านอีกครั้งเมื่อไหร่ อย่างน้อยเราคงต้องอยู่ที่นี่ตุนเสบียงกับของที่ต้องการให้เสร็จก่อนจะออกเดินทางอีกครั้งล่ะนะ
อาร์คตัดสินใจก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปในร้านค้า ทำเอาเจ้าของร้านถึงกับมองชายหนุ่มอย่างตกตะลึงสุดขีด
เอ่อ...เจ้า...เป็นคนต่างถิ่นงั้นรึ?”
ใช่
สำหรับคนต่างถิ่นที่เดินทางมาจนเจอหมู่บ้านของเรา...ข้าคิดไม่ออกเลยว่าเจ้าจะต้องใช้เวลาเดินทางมานานสักแค่ไหนเจ้าของร้านเอ่ยขึ้น
อาร์คพยายามคิดหาคำที่สุภาพก่อนจะพูดออกไปอย่างตรงประเด็นทันที
ผมจะขายทั้งหมดนี่
เจ้าของร้านเหลือบมองไปที่ไอเท็มแล้วพูดออกมาสั้นๆ ได้...ข้าจะให้เจ้า 10 ทองสำหรับไอเท็มทั้งหมดนั่น
อะไรนะ?” อาร์คสงสัยว่าหูของเขาอาจได้ยินผิดไป คุณบอกว่าจะให้ผม 10 ทองงั้นเหรอ?”
ใช่...มีอะไรอย่างนั้นรึ?”
นั่นคงไม่ใช่ราคาของไอเท็มทั้งกระเป๋าใช่มั้ย? บอกว่า 10 ทองทั้งที่แทบจะไม่มองของเลยเนี่ยนะ นี่มันไม่ใช่ขยะนะ หรือว่าคุณตั้งราคาจากน้ำหนักของกระเป๋างั้นเรอะ?”
ข้าบอกราคาได้แค่มองแบบผ่านๆ นี่มันไม่มีของที่มีคุณภาพดีเลยซักชิ้น? มันมีอะไรน่าใช้อย่างนั้นเรอะ? กระบองกับหนังสัตว์พวกนั้นขายไม่ได้ราคาเลยด้วยซ้ำเจ้าของร้านพูดด้วยน้ำเสียงเฉื่อยชา
ตามปกติแล้วสินค้าที่ได้มาอย่างง่ายๆ จากบริเวณใกล้เคียงนั้น เมื่อนำมาขายจะมีราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาดอยู่แล้ว แต่มันก็ไม่น่าใช่ของที่มีราคาต่ำทั้งหมด? ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่าอาร์คได้ใช้สกิลเวทมนตร์ในการฟื้นฟูที่สามารถซ่อมแซมอุปกรณ์ให้กลับมาใช้งานได้เรื่อยๆ ดังนั้นแล้วเมื่อใช้สกิลไปเรื่อยๆ สุดท้ายแล้วค่าความทนทานของไอเท็มแต่ละชิ้นจึงมีค่าเหลือเพียงแค่ 1 จุด ซึ่งไอเท็มที่มีความทนทานเป็น 1 นี้ก็ไม่ต่างอะไรไปจากขยะที่ไม่คุ้มค่ามีราคาไม่กี่เหรียญทองแดงเขาจึงไม่สามาถโวยวายได้ถึงแม้ว่าราคาที่เจ้าของร้านบอกมาจะเหมือนตั้งราคาจากน้ำหนักของขยะก็ตาม
ถึงแม้ว่า...
มัน 5 วันเลยนะ เขาล่ามอนสเตอร์มาตั้ง 5 วันแทบจะไม่ได้หยุดพักแล้วทั้งหมดนั้นคือเงินแค่ 10 ทองเนี่ยนะ?’
ยิ่งไปกว่านั้นอาร์คได้ใช้กล่องเครื่องมือพิเศษไป 1 กล่อง ตอนที่เขาล่ามอนสเตอร์เพราะเขาไม่ได้สังเกตถึงผลกระทบของอุปกรณ์เวทย์มนต์จากการใช้เวทมนต์ฟื้นฟูระดับเริ่มต้นเลย
สุดท้ายแล้วมันก็เหมือนกับว่าเขาเสียเงินไป 15 ทองในการซ่อมเครื่องใช้นั่นเอง ไม่ใช่ว่าเขาขาดทุนมากกว่าได้กำไรไป 5 ทองหรอกเหรอ? ถ้าให้เขาคำนวณจุดคุ้มทุนล่ะก็เขาต้องได้เงินอย่างต่ำ 20 ทองถึงจะถูก
แต่ว่ามันได้แค่ 10 ทองไม่ใช่ 20 ทองซะหน่อย!
อ๊ากกกก ผลการล่ามอนสเตอร์ครั้งนี้ขาดทุนย่อยยับ ฉันอยากจะบ้า...
เงินที่เสียไปมันบีบหัวใจเขาเหลือเกิน
อาร์คได้ขายเสื้อคลุมกับชุดเซตวอริเออร์ไปได้ไม่นาน โชคดีที่มันทำให้เขาได้เงิน 7,000,000 วอน (~$7,000) มาไว้ในมือ แต่สาเหตุที่ไอเท็มพวกนั้นมีราคาแพงนั้นเพราะว่ามันเป็นไอเท็มที่ดรอปยากมาก เขาเลยอยากจะได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันมากกว่าความหวังลมๆ แล้งๆ ว่าจะได้ของดีๆ จากการใช้โชคเพียงเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงนั้นมันไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย
แทนที่จะภาวนาให้ได้แจ็คพอต ซึ่งในความเป็นจริงแล้วมีโอกาสได้น้อยกว่าการเก็บสะสมเงินที่ดรอปจากการล่ามอนสเตอร์ซะอีก ส่วนใหญ่ผู้เล่นจะใช้วิธีนี้ในการเก็บเงิน สำหรับผู้เล่นแล้วเงิน 1 ทองนั้นถือว่าเป็นโชคมหาศาล
แต่ว่ามันขาดทุนเนี่ยสิ? มันฟังดูเป็นไปได้จริงๆ ใช่มั้ย?
อาร์คทำหน้าประจบประแจงแบบสุดๆ ก่อนจะอ้อนวอนเจ้าของร้าน คุณจ่ายให้ผมมากกว่านี้ไม่ได้เหรอ?”
อันที่จริงเจ้าควรจะรู้เอาไว้ว่าจริงๆ แล้วมันไม่ใช่ราคาตลาดหรอก แต่เพราะข้ามีแผนที่จะปิดร้านในอีกไม่นานนี้และก็ออกจากหมู่บ้านแล้ว ด้วยความสัตย์จริงถึงแม้ข้าจะซื้อสินค้าในตอนนี้มันก็จะกลายมาเป็นขยะซะเปล่าๆ เจ้าก็เห็นนี่ ถ้าเจ้าไม่อยากจะขาย ข้าก็ไม่เสียดายหรอกนะ
มันไม่ได้เป็นไปตามที่อาร์คคิดไว้ เพราะเขาเพิ่งมาที่หมู่บ้านนี้เลยทำให้ค่าความสนิทสนมเป็น 0 มันเลยเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่เขาจะอ้อนวอนให้อีกฝ่ายเพิ่มเงินให้
ถ้ามันเป็นร้านขายของในปราสาทแจ็คสัน ที่นั่นเขาสามารถใช้ความสนิทสนมในการซื้อขายได้ เขาก็จะได้รับเงินเพิ่มอย่างน้อยที่สุด 10-20 เปอร์เซ็นต์หรือมากกว่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นถ้าหากเป็นของหายากก็ต้องคิดตามราคาตลาด เขาก็อาจจะได้รับเงินมากกว่า 2 เท่า แต่ว่าเขาไม่สามารถเอากระเป๋าของเขากลับไปยังแจ็คสันซึ่งจะให้เงินมากกว่า 10 ทองได้เช่นเดียวกัน
อาร์คกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลพลางพยักหน้าตอบรับ
ผมเข้าใจแล้ว ฝากดูแลของทั้งหมดนั่นด้วยนะ
เจ้าคิดถูกแล้ว และเจ้าก็ควรรู้ด้วยว่าแต่ก่อนแถวนี้ไม่ได้มีหมู่บ้านหรอกนะ...ห๊ะมะ-ไม่มีทาง? นี่มันคงไม่ใช่หนังสีเทาของโนลหรอกใช่มั้ย?” เจ้าของร้านร้องออกมาอย่างตกใจ
คุณรู้ด้วยงั้นเหรอ?”
อาร์คกระดิกหูพลางรีบเดินเข้ามาหาเจ้าของร้านพลางถูมือไปมา 
นั่นเป็นหนังของมอนสเตอร์ที่ผมจัดการมันได้ กว่าจะเอาชนะมันได้ก็ลำบากน่าดู เจ้าพวกนั้นแข็งแกร่งมากๆ ทุกครั้งที่สู้กับมันกว่าจะจัดการได้สักตัวผมเกือบจะตายเลยนะ จริงๆ แล้วก็ไม่ได้มีอะไรมากหรอกที่ผมรอดมาได้จนถึงตอนนี้เป็นเพราะปาฏิหาริย์ล้วนๆ ว่าแต่คุณไม่ได้ซื้อแผ่นหนังที่ผมได้มาด้วยความยากลำบากจากการชั่งน้ำหนักถูกไปหน่อยเหรอ? อา...แต่ว่าตั้งแต่ที่คุณบอกว่าจะปิดร้านผมก็ไม่ได้หวังอะไรมากมายอยู่แล้ว ผมแค่อยากจะขอให้คุณคิดถึงความเจ็บปวดของผม ดังนั้นถ้าให้มากกว่านี้อีกซักหน่อย...
เมื่อกี้เจ้าบอกว่ากำจัดมันได้?”
ถูกต้องนะคร้าบ
ถะ...ถ้าอย่างนั้นอย่างบอกนะว่าเจ้าข้ามภูเขาอาร์กัสมา?”
น่าจะใช่นะ...ผมไม่รู้จักทางก็เลยเดินตัดผ่านภูเขามาเลย ว่าแต่คุณถามทำไมเหรอ?”
นี่มันเหลือเชื่อมาก ถึงคนพวกนั้นจะไม่ได้เดินทางมากคนเดียว...แต่สำหรับเจ้ากลับข้ามภูเขามาที่นี่ด้วยความแข็งแกร่งเพียงลำพังได้ ดูเหมือนว่าเจ้าจะเป็นนักเดินทางที่น่าประทับใจกว่าที่คิด บางทีแล้ว...เจ้าของร้านมองอาร์คด้วยสายตาที่เหมือนกับค้นพบอะไรบางอย่าง
ถ้าเรื่องที่เจ้าจำกัดโนลได้เป็นความจริง ข้าจะซื้อสินค้าของเจ้าทั้งหมดเป็นเงิน 20 ทอง
จะ...จริงเหรอ!?” อาร์คอุทานออกมาอย่างดีใจอย่างปิดไม่มิด
แต่ว่าในทางกลับกัน เจ้าช่วยฟังคำขอร้องของข้าได้หรือไม่?” ชายหนุ่มฉีกยิ้มกว้างแทบจะถึงหู
คำขอร้องจาก NPC! หมายความว่านี่มันเป็นเควสต์!’
อาร์ครู้สึกมีความสุขมาก เขาอาจจะตายก็ได้แต่ว่ามันทำให้ได้รับของรางวัลมากขึ้น แต่สำหรับอาร์คแล้วจะตายหรืออะไรค่อยว่ากันขอให้ได้รับเควสต์ก็พอ!
หมู่บ้านแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ผู้เล่นยังไม่รู้จัก ซึ่งมันก็หมายความว่ายังไม่มีใครรู้เกี่ยวกับเควสต์พวกนี้มาก่อน เพียงแค่ความจริงที่ว่านี้เขาก็รู้สึกดีใจจนเนื้อเต้นแล้ว
อาร์ครีบพยักหน้าตอบรับคำขอร้องอย่างรวดเร็ว ขณะที่เจ้าของร้านเริ่มกล่าวขึ้นมาอย่างเคร่งเครียด
จริงๆ แล้วหมู่บ้านแห่งนี้เป็นหมู่บ้านที่ไม่มีใครรู้ถึงทางออกไปด้านนอก มีผู้บุกเบิกหลายคนพยายามตั้งกลุ่มออกไปสำรวจด้านนอก ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่สถานที่ที่แห้งแล้งอยู่บริเวณตีนเขาแต่พวกเราก็ตัดสินใจจะสร้างหมู่บ้านและถนนขึ้นมา ถ้าเราทำได้มันก็จะกลายเป็นจุดขนส่งระหว่างแจ็คสันกับเมืองทางการค้า
เจ้าของร้านแห่งนี้ชื่อว่ากาเลน เขาเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกยุคแรก กาเลนเริ่มเล่าเรื่องต่อด้วยน้ำเสียงสะทกสะท้อนใจ
ทุกอย่างเป็นที่น่าพอใจในตอนแรก ถึงพวกเราจะกังวลกับมอนสเตอร์ที่มีจำนวนมาก แต่ว่าพวกเราก็มีผู้นำที่มีความสามารถ ชื่อของเขาคือแลนเซล เขาเป็นทหารรับจ้างที่มีประสบการณ์มาก ดังนั้นแล้วมอนสเตอร์พวกนั้นเลยเป็นคู่มือเขาไม่ได้เลยสักนิด พวกเราทำงานโดยมีเขาเป็นศูนย์กลาง ในที่สุดหมู่บ้านแห่งนี้ก็เสร็จสมบูรณ์ ข้ายังไม่เคยลืมถึงอารมณ์ของทุกคนในตอนนั้น ทุกคนมีความสุขมากจนร้องไห้น้ำตาไหลออกมา
แต่ว่าหมู่บ้านดูเหมือนไม่ค่อยมีคนเลยนะ?” อาร์คพูดออกมาเมื่อนึกถึงสภาพที่เขาเห็นหมู่บ้านนี้ในตอนแรก
ใช่แล้ว...ทั้งหมดเป็นเพราะโนลชั่วช้าพวกนั้น
โนลงั้นเหรอ?”
แต่ก่อนนั้นพวกโนลไม่ได้อยู่แถวนี้หรอกนะ พวกมันอพยพเป็นกลุ่มมาจากที่ไหนซักที่ หลังจากนั้นพวกมันก็มาปักหลักอาศัยอยู่ถ้ำลึกในภูเขาซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของพวกมัน เพราะอย่างนั้นความฝันที่จะสร้างถนนเพื่อทำให้หมู่บ้านเป็นจุดขนส่งสำหรับการค้าก็พังทลายลง นอกจากนั้นบางครั้งโนลพวกนั้นก็บุกเข้ามาทำให้เราต้องตัวสั่นด้วยความกลัวทุกวันๆ
คุณไม่คิดจะพยายามขอความช่วยเหลือดูเหรอ?” อาร์คถามอย่างสงสัย
แน่นอนว่าเราต้องคิดเรื่องนั้นอยู่แล้ว แต่ว่าหมู่บ้านแห่งนี้ในตอนนั้นมีแค่ 12 คนที่อาศัยอยู่เพื่อสร้างถนนและพัฒนามันเพียงเท่านั้น เราไม่สามารถจ้างทหารรับจ้างจำนวนมากหรือคนที่มีฝีมือเยอะขนาดนั้นได้ แล้วตอนนั้นแลนเซลก็ยังมีชีวิตอยู่ด้วย
เขายังมีชีวิตอยู่..?”
กาเลนส่ายหัวด้วยด้วยอารมณ์ที่หมองมัว
แลนเซลเป็นหัวหน้านักรบอย่างแท้จริง เขาต้านการจู่โจมหมู่บ้านจากพวกโนลหลายต่อหลายครั้ง แต่แลนเซลก็คิดว่าตัวเองคงไม่สามารถปกป้องหมู่บ้านเอาไว้ได้แน่ๆ ด้วยความเชื่อนี้ เขาเลยรวบรวมคนในหมู่บ้านเพื่อค้นหาถ้ำที่เป็นที่อยู่ของพวกโนลด้วยตัวเอง พวกเราต่างเชื่อมั่นในตัวแลนเซล ถ้าเป็นเขาย่อมต้องสามารถทำมันได้สำเร็จอย่างแน่นอน ดังนั้นเราเลยไม่เคยสงสัยอะไรเลย แต่ว่ามันกลับมีกับดัก แม้แต่แลนเซลก็ไม่ได้เห็นถึงสิ่งที่กำลังรอเขาอยู่ภายในถ้ำ
กับดักอย่างนั้นเหรอ?”
ข้าก็ไม่รู้ว่าพวกโนลเลี้ยงมันได้ยังไง แต่ว่ากลับมีงูจำนวนมากมายมหาศาลอยู่ภายในถ้ำ จำนวนของมันมากมายจนดูน่ารังเกียจยิ่งนัก สุดท้ายพวกเราก็ถูกพวกโนลและฝูงงูโจมตีจนต้องรีบหนีออกมา แต่ว่าแลนเซลก็ไม่ยอมแพ้จนกระทั่งในตอนสุดท้ายเขาเข้าไปในถ้ำแล้วต่อสู้กับพวกมันอย่างกล้าหาญเป็นเวลาหลายชั่วโมงก็มีเสียงคำรามดังก้องออกมาจนถ้ำสั่นสะเทือน แต่...แลนเซลที่เป็นวีรบุรุษของเรากลับไม่ได้กลับออกมา
เขาเป็นคนที่น่ายกย่องมากอาร์คพูด
ใช่....เขาเป็นนักรบที่กล้าหาญกว่าใครๆ
กาเลนถอนหายใจออกมาอีกครั้ง
ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม...หลังจากที่เรื่องนี้เกิดขึ้น บรรดาคนที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านก็พากันทยอยออกจากหมู่บ้านไปทีละคนๆ แต่จะว่าพวกเขาก็ไม่ได้ เพราะเขาได้เห็นฝูงงูที่น่ากลัวและแม้แต่ผู้นำของพวกเขาอย่างแลนเซลก็ยังเสียชีวิต ดังนั้นพวกเขาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวก็คงเลือกที่จะจากไป ถึงแม้ว่าหมู่บ้านของเราจะสร้างขึ้นมาด้วยความมุ่งมั่นก็ตามแต่มันก็ไม่ได้มีค่ามากไปกว่าชีวิตของพวกเขา ถึงข้าจะอดทนและมาไกลได้ขนาดนี้แต่ข้าก็คิดว่าถ้าหากทนอยู่นานกว่านี้มันก็คงจะมากเกินไปแล้ว
ถ้าอย่างนั้นให้ผมจัดการพวกโนลในถ้ำให้คุณดีมั้ย?”
จะ...เจ้าจะช่วยจัดการมันอย่างนั้นรึ?”
แน่นอนผมจะจัดการมันเอง ผมเป็นนักผจญภัยนะ ก็คุณเล่นเล่าเรื่องทั้งหมดมาแบบนี้จะให้ผมทำเป็นไม่สนใจได้ยังงั้นเหรอ?”
ข้าบอกเจ้าก่อนหน้านี้แล้วนะ ว่าข้าคงไม่มีของตอบแทนจำนวนมากให้เจ้าหรอกนะ
ผมรู้แล้วน่า...แต่ว่าผมอาจจะต้องเสี่ยงชีวิต มันคงจะเป็นเรื่องโกหกถ้าบอกว่าไม่อยากได้อะไรตอบแทนน่ะ แต่ยังไงก็เถอะ...ผมไม่ได้ช่วยเพื่อหวังรางวัลตอบแทนมากมายอะไรหรอกนะ แต่ว่ามันคงจะดีถ้าหากคุณมอบความจริงใจทั้งหมดของคุณให้ผมน่ะนะ
อาร์คพูดเป็นนัยๆ ว่าเขาอยากจะได้รับสิ่งที่มีค่ามากที่สุดนั่นเอง
โนลเป็นมอนสเตอร์ที่เหมาะสำหรับการล่าในระดับปัจจุบันของเขา
เพราะส่วนมากพวกโนลจะจับตัวรวมกันเป็นกลุ่มเลยทำให้เขาได้รับค่าประสบการณ์จำนวนมากจากพวกมัน ดังนั้นแล้วต่อให้ไม่มีเควสต์เขาก็จะตามจัดการกับพวกมันอยู่ดี แต่แน่นอนว่าถ้ารับเควสต์มามันก็จะดีกว่าตามล่าแล้วจัดการพวกมันเฉยๆ
นี่คือสำนวนที่เรียกว่า ‘ยิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัว’ นั่นเอง
กาเลนที่ไม่มีทางรู้ถึงเจตนาในการพูดของอาร์คได้แต่พูดออกมาด้วยสีหน้าซาบซึ้ง
ข้าขอบใจเจ้ามากจริงๆ ถ้าอย่างนั้นเอาแบบนี้ ถ้าเจ้าเอาชนะโนลที่อยู่ในถ้ำแล้วเอาหนังของพวกมันมาให้ข้า ข้าจะจ่ายเงินให้เจ้าตัวละ 20 เงิน และถ้าหากเจ้าเอาชนะโนลในถ้ำทั้งหมดได้จริงๆ และนำความสงบสุขมายังหมู่บ้าน ข้าจะให้เจ้าอีก 10 ทองเป็นสิ่งตอบแทนให้สำหรับความสำเร็จของเจ้า แน่นอนว่ามันอาจจะเป็นรางวัลเพียงน้อยนิดหากเทียบกับอันตรายที่เจ้าต้องเผชิญ แต่มันก็เป็นสิ่งที่ข้าสามารถทำได้มากสุดเท่านี้แล้ว
ที่นั่นมีโนลประมาณเท่าไหร่งั้นเหรอ?”
พวกเราไม่รู้แน่ชัด แต่คิดว่าน่าจะมีประมาณร้อยตัวน่าจะได้กาเลนตอบ
ตัวละ 20 เหรียญเงินหนึ่งร้อยตัวก็เท่ากับ 20 เหรียญทอง!’
อาร์คคล้ายกับได้ยินเสียงเหรียญดังกรุ๊งกริ๊งอยู่ในหู ถึงมันจะเป็นค่าตอบแทนที่น้อยไปสักนิด แต่สิ่งตอบแทนก็ไม่ได้น้อยจนเกินไป สำหรับมอนสเตอร์ระดับ 40 ปกติแล้วหนังของมันก็ต่อให้ขายที่ร้านค้าก็ขายกันอยู่ที่ราคา 5 เงินแต่กาเลนเสนอให้เป็น 4 เท่าของราคาขาย มันเป็นเควสต์ของหมู่บ้านในภูเขาที่ให้ของตอบแทนที่ผิดปกติเป็นอย่างมาก!
ถ้าจัดการโนลทั้งหมดได้จะให้เงินตอบแทนอีก 10 ทองอย่างนั้นเหรอ นี่มันไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆ แล้วนะ!’
อ้อ...ข้าต้องขอโทษด้วย แต่ข้าคงไม่สามารถให้สิ่งตอบแทนจากพวกงูได้หรอกนะ ข้าจะเชื่อใจเจ้าได้ใช่หรือไม่?”
ไม่ต้องกังวลไป เชื่อใจผมเถอะเพราะว่าผมถูกชักนำมาที่นี่เพื่อทำงานนี้ยังไงล่ะ
อาร์คจับมือกับกาเลนอย่างหนักแน่นเพื่อยืนยันสิ่งที่เขาได้ตอบอีกฝ่ายด้วยสีหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ
พร้อมกันนั้น ตื่อ-ตือ-ตึ้ง หน้าต่างเควสต์ก็เด้งขึ้นมา

ผู้บุกเบิกหมู่บ้าน แลนเซลผู้โชคร้าย
คุณได้ค้นพบหมู่บ้านบุกเบิกที่ยังไม่มีใครในโลกได้รู้จักในตอนท้ายของการเดินทางอันยาวนานของคุณ
หมู่บ้านที่สร้างมาจากความพยายามของผู้บุกเบิกซึ่งได้ติดตามหัวหน้าทหารรับจ้างแลนเซลเป็นเวลาหลายปี ‘แลนเซล’ นั้นเป็นชื่อคนที่เป็นผู้นำของพวกเขา  บรรดาคนในหมู่บ้านต่างหวังอยากให้แลนเซลเห็นถึงความรุ่งโรจน์ของจุดขนส่งระหว่างแจ็คสันและเมืองทางการค้า
แต่ว่าพวกโนลและฝูงงูกลับมาตั้งรกรากอยู่ในถ้ำบริเวณใกล้ๆ ทำให้ความพยายามทั้งหมดของพวกเขากลายเป็นความสูญเปล่า พวกชาวบ้านที่ต่างรักตัวกลัวตายต่างเริ่มออกจากหมู่บ้าน อย่างใดก็ตามแลนเซลคือวีรบุรุษของหมู่บ้านผู้กล้าหาญที่ยอมเสียสละตัวเองเพียงผู้เดียว
ขณะที่ชาวบ้านส่วนใหญ่สิ้นหวังและเดินทางออกจากหมู่บ้าน และตอนนี้เหลือเพียงแต่หมู่บ้านที่รกร้างว่างเปล่าเพียงเท่านั้น อย่างไรก็ตามกาเลนต้องการรักษาหมู่บ้านเอาไว้ เพื่อการนั้นเขาจึงขอให้คุณจัดการกับพวกโนล กาเลนสัญญาว่าเขาจะจ่าย 20 เงินต่อหนังของโนลหนึ่งชิ้น และยังจะมอบอีก 10 ทองหากคุณสามารถจัดการพวกโนลทั้งหมดได้สำเร็จ คุณต้องเอาชนะโนลและช่วยเหลือหมู่บ้านแลนเซลจากความสิ้นหวัง

ระดับความยาก : C



 *** End of Chapter***