“บ้าเอ๊ย!” เขาเผลอสบถเสียงดังออกมาโดยไม่รู้ตัว
สรุปแล้วการเปลี่ยนอาชีพมันเป็นเรื่องที่โคตรจะผิดพลาด
อาร์คไม่ชอบล่ามอนสเตอร์แบบปาร์ตี้ เขารู้สึกเหมือนไว้ใจใครไม่ได้เลยเพราะถ้าหากเกิดไปปาร์ตี้กับคนอื่นแล้วได้ไอเท็มที่มีค่ามาสักชิ้นแทบจะไม่ต้องคิดเลยว่าคนในปาร์ตี้จะทะเลาะแย่งของกันขนาดไหน
เขาเคยเจอสถานการณ์ที่น่ารังเกียจแบบนี้มาก่อน
แทนที่จะต้องมารู้สึกไม่สบายใจเพราะเรื่องไร้สาระพวกนี้สู้เขาอยู่ห่างๆ
ล่ามอนสเตอร์คนเดียวซะยังจะสบายใจกว่า ถึงแม้ว่าเลเวลจะขึ้นยากสักหน่อยก็เถอะ
นั่นเป็นเหตุผลที่ทำไมอาร์คถึงอยากเลือกอาชีพที่เกี่ยวกับการต่อสู้
โจรที่เน้นโจมตีเข้าที่จุดอ่อนหรือนักเวทย์ที่มีพลังจัดการศัตรูได้ในครั้งเดียวนั้นก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป
แต่ยังไงก็ตามอาชีพพวกนี้ก็เหมาะที่จะเล่นแบบปาร์ตี้มากกว่า
ในทางกลับกันถึงแม้ว่าสายนักรบอย่างวอริเออร์ไม่ได้มีอะไรที่พิเศษและแทบจะไม่มีทักษะพิเศษอะไรเลยก็ตามแต่อาชีพนี้ก็มีความการป้องกันและพลังชีวิตที่สูง
แต่นั่นก็ยังไม่ใช่ทั้งหมด อาชีพนี้ยังต้านทานต่ออาการบาดเจ็บหลายประเภท
ดังนั้นถ้าหากจะบอกว่าอาชีพนี้เป็นอาชีพที่เจ๋งสุดยอดสำหรับพวกคนที่เล่นตัวคนเดียวก็ไม่ผิดสักเท่าไหร่
แต่อาชีพ ‘ดาร์ค วอร์คเกอร์’ นั้นกลับคล้ายโจรมากกว่าวอริเออร์
ดาร์ค วอร์คเกอร์
ผู้ที่เดินย่ำเท้ายามค่ำคืน เขาน่าจะเดาได้เมื่อได้ยินชื่อของมัน
ถึงแม้ว่าความจริงแล้วโบนัสค่าสถานะของอาชีพนี้จะเน้นไปทางความคล่องตัว(Agility),โจมตีเวทย์(Intelligence) และโชค( Luck) แต่รวมๆ แล้วค่าสถานะทั้งหมดนั้นก็เหมือนโจรอยู่ดี
หรือไม่...ถ้าเป็นโจรธรรมดาอาจจะยังดีกว่า
เพราะถ้าหากเปรียบเทียบกันแล้วโจรนั้นยังเป็นอาชีพสายต่อสู้
แต่ถ้าย้อนกลับมาดูอาชีพของเขานั้นกลับมีสกิลซัมมอนหรือโบนัสค่าสถานะโจมตีเวทย์มันก็เหมือนว่าอาชีพนี้คล้ายกับนักเวทย์ระดับหนึ่งเลย
‘ไอ้ความคล่องตัวมันก็ดีอยู่หรอกเพราะมันส่งผลกับค่าคริติคอล,ค่าความเร็วโจมตีแล้วก็อัตราการหลบหลีก แต่พวกค่าโจมตีเวทย์กับโชคล่ะ? สุดท้ายแล้วมันก็ไม่มีอะไรชัดเจนเลยว่าเขามีอาชีพเป็นโจร
นักเวทย์หรือนักบวชกันแน่?
ตัวละครที่มีการผสมผสานนั้น
ฟังๆดูก็เหมือนจะดีไปซะหมดแต่ความจริงแล้วมันก็หมายความว่าพวกเขาไม่ได้เป็นอะไรสักอย่าง
ด้วยค่าสถานะโดยรวมทั้ง 60
จุดนั้นเท่ากับเขาได้รับโบนัสเป็นสองเท่าของการเปลี่ยนอาชีพตามปกติเลยทีเดียว
มันจะไม่เป็นปัญหาเลยถ้าเขาลงค่าสถานะอย่างฉลาด
แต่ยังไงก็ตามถ้าดูจากความสามารถโดยรวมนั่นหมายความว่าไม่ว่าเขาจะชอบหรือไม่
แต่เขาก็ต้องขยันเพิ่มขึ้นเพื่ออัพค่าสถานะทั้ง 3 อย่างนี้
ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา
จะทำอะไรได้ล่ะ? ในเมื่อเขาเลือกเปลี่ยนอาชีพนี้ไปแล้ว
มันก็เหมือนกับตอนล่าหนูในหมู่บ้านฮารัน
ถ้าอาร์คเกิดสนใจอะไรขึ้นมาสักอย่างเขาก็จะดันทุรังทำมันชนิดหัวชนฝาถึงแม้ว่าเขาควรจะรีบยอมแพ้ไปในสถานการณ์สิ้นหวังแบบนั้น
ซึ่งมันก็เหมือนกับตอนนี้ที่เขากำลังตกอยู่ในสถานการณ์แบบเดียวกัน
อาร์คไม่สามารถจะย้อนเวลากลับไปได้ถึงเขาจะเสียใจมากแค่ไหนก็ตาม
ดังนั้นแล้วเขาเลยคิดว่าควรจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุดจากสิ่งที่ตัวเองเลือกแล้วก็พยายามทำความเข้าใจอาชีพดาร์ควอล์คเกอร์กับลักษณะพิเศษของมันของมันแล้วปรับตัวให้คุ้นชินกับมันเร็วสุดความสามารถของเขา
'ไม่สิ...ยังไงมันก็เป็นอาชีพลับ
ที่มันดูแย่คงเป็นเพราะฉันตั้งความหวังว่ามันน่าจะคล้ายกับวอริเออร์มากจนเกินไป
มันอาจจะไม่เลวร้ายไปซะหมดก็ได้
ถ้าฉันรู้ว่าจุดเด่นของมันคืออะไรก็อาจจะรู้ข้อดีของอาชีพนี้มากขึ้น เอาล่ะตอนนี้ฉันควรจะสงบใจแล้วก็ตรวจสอบมันอย่างรอบคอบ
ครั้งแรกที่ดูพื้นฐานมันอาจจะเหมือนโจร
แต่ว่าการซัมมอนดูเหมือนจะเป็นจุดที่แตกต่างของอาชีพนี้
ดูเหมือนว่ามันจะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจเรียกมอนสเตอร์แบบไหนขึ้นมาสินะ?
แล้วฉันก็ยังเรียกมันได้สามตัวอีกต่างหาก
'เดี๋ยวสิ...ถ้าฉันเรียกมันออกมาได้ก็หมายความว่าฉันไม่ต้องเก็บเลเวลคนเดียวไม่ใช่เหรอ?'
"อัญเชิญปีศาจ!"
ชายหนุ่มเต็มไปด้วยความหวังพลางเรียกใช้ทักษะ
การอัญเชิญนี้ใช้พลังทางจิตวิญญาณซึ่งเป็นแถบพลังแบบใหม่
อาร์คเขาตรวจสอบผลของการซัมมอนด้วยความเคยชิน แต่แล้วความหวังภายในใจที่เต็มเปี่ยมก็ลดฮวบลงเหลือนิดเดียว
'นะ...นี่มัน...นี่มันคืออะไร???'
ทันทีที่แสงสว่างจ้าจนตาแทบบอดหายไป
สิ่งที่ปรากฏหลังจากเรียกใช้ทักษะคือหัวกระโหลกอันหนึ่งตั้งอยู่บนพื้น
เจ้าหัวกระโหลกนั้นใช้สายตาที่พร่ามัวต่อแสงสังเกตสภาพรอบๆ
อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพบอาร์คที่เป็นผู้ทำพันธสัญญาแล้วมันก็ขบฟันกระทบกันจนเป็นเสียงกักๆ
กวนบาทาเป็นอย่างยิ่ง
อาร์ครีบเปิดหน้าต่างข้อมูลขึ้นมาทันที
กระโหลกคนตายนิรนาม
|
|||
กระโหลกศีรษะของคนตายชั้นต่ำที่หลงทางในนรก
ไม่มีอะไรที่พิเศษเกี่ยวกับมัน
มีเพียงความภักดีที่ไม่สั่นคลอนสำหรับผู้เป็นเจ้านายซึ่งเป็นต้นแบบที่มาจากนรก
|
|||
เผ่าพันธุ์
|
อันเดด
|
ธาตุ
|
ความมืด
|
คลาส
|
-
|
พลังชีวิต
|
50
|
ความจงรักภักดี
|
200
|
โจมตีกายภาพ
|
10
|
คล่องแคล่ว
|
10
|
พลังกาย
|
10
|
ป้องกันเวทย์
|
0
|
โจมตีเวทย์
|
0
|
โชค
|
0
|
ส่วนอื่นๆ ที่นอกเหนือจากความจงรักภักดีของมันก็ไม่ต่างไปจากก้อนกรวดข้างถนน
'นี่ล้อเล่นใช่มั้ย? ถ้ามันจะไร้ความสามารถอย่างนี้
อย่างน้อยก็น่าจะเจริญหูเจริญตากว่านี้หน่อยนะ' อาร์ครู้สึกโกรธจนแทบจะระเบิดออกมาแต่หัวกระโหลกก็ยังกลิ้งไปรอบๆ
เขากัดฟันข่มกลั้นอารมณ์ไว้แน่น เมื่อพลังวิญญาณกลับคืนมาเขาก็ใช้สกิลเรียกปีศาจอีก
2 ตัวออกมา
ค้างคาวอาฆาต
|
|||
ค้างคาวชั้นต่ำที่ถูกเนรเทศออกจากนรก
ด้วยความที่ต้องทนทุกข์จากการถูกปฏิเสธมาอย่างยาวนาน
มันจึงเต็มไปด้วยความแค้นเคืองและเกลียดชังที่มีต่อโลก
ด้วยความรู้สึกนี้มันจึงไม่อาจซื่อสัตย์และจงรักภักดีต่อผู้เป็นเจ้านาย
หากคุณต้องการให้มันจงรักภักดีคุณต้องทำให้มันไว้วางใจเสียก่อน
|
|||
เผ่าพันธุ์
|
ปีศาจ
|
ธาตุ
|
ความมืด
|
คลาส
|
-
|
พลังชีวิต
|
50
|
ความจงรักภักดี
|
50
|
โจมตีกายภาพ
|
5
|
คล่องแคล่ว
|
10
|
พลังกาย
|
10
|
ป้องกันเวทย์
|
10
|
โจมตีเวทย์
|
10
|
โชค
|
0
|
‘โอ้...เยี่ยม ทีนี้ก็ค้างคาวขี้แพ้?’
ค้างคาวอาฆาต? เขาต้องทำให้มันไว้วางใจ? นี่มันเป็นขยะชัดๆ
แต่ก็เอาเถอะ...ถ้าเทียบกับที่ต้องทำให้มันไว้วางใจ
ก่อนหน้านี้สองคนแรกก็เป็นถึงขุนนางเชียวนะเขายังผ่านมาได้แล้วเลย
ไข่ปรโลก
|
|||
ไข่ปีศาจชั้นสูงอันแข็งแกร่งที่ชื่นชอบในการกินอาหาร
|
|||
เผ่าพันธุ์
|
??
|
ธาตุ
|
??
|
คลาส
|
-
|
พลังชีวิต
|
200
|
ความจงรักภักดี
|
-
|
โจมตีกายภาพ
|
0
|
คล่องแคล่ว
|
0
|
พลังกาย
|
40
|
ป้องกันเวทย์
|
0
|
โจมตีเวทย์
|
0
|
โชค
|
0
|
เมื่อเห็นไข่ที่ปรากฏขึ้นตรงหน้า
อาร์คก็แทบจะลืมความรู้สึกโกรธขึ้งก่อนหน้านี้ไปจนหมด
'ไข่งั้นเหรอ? ฉันจะใช้มันทำอะไรได้? หรือว่ามันจะแข็งขนาดใช้ปาแทนหินได้?'
ข้ารับใช้ทั้ง 3
ตัวที่อยู่ตรงหน้ายิ่งทำให้อาร์คไม่เข้าใจว่านรกส่งไอ้ตัวประหลาดพวกนี้มาให้เขาไว้ใช้ทำอะไรกัน? อาร์คถึงกับยืนนิ่งเหมือนถูกแช่แข็ง
อาชีพลับที่ซ่อนอยู่ตามปกติแล้วมักจะแบ่งออกเป็น
2 ประเภท
ประเภทแรกคืออาจจะทำให้พวกที่ได้รับอาชีพนั้นๆ
กลายเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ด้วยทักษะความสามารถอาชีพที่วิเศษของพวกเขา
ส่วนอีกประเภทก็คืออาชีพที่ได้จากการผ่านภารกิจเพื่อทำให้เกมน่าสนุกมากขึ้น แต่ว่ามันก็ไม่น่าจะเป็นถึงอาชีพลับ
จากที่เห็นนั้นอาชีพของอาร์คนั้นเข้าข่ายประเภทหลังชัดๆ
เขาเคยคิดว่าการซัมมอนทั้ง 3
ตัวนี้น่าสนใจ แต่ว่าสุดท้ายแล้วทั้งหมดมันก็มีแค่นี้
พวกลูกกระจ๊อกพวกนี้ไม่แม้จะแต่งชุดเหมือนฮัลโลวีน
แล้วหัวกะโหลก,ค้างคาว,ไข่
ไอ้ตัวพวกนี้มันจะช่วยเหลือเขาได้ยังไงไม่ทราบ?
ยังไงก็ตามไม่มีอะไรที่เขาสามารถทำได้อยู่ดี...
ในโลกใหม่นั้นการตัดสินใจครั้งหนึ่งอาจจะเป็นตัวกำหนดชะตากรรมของคนๆ
หนึ่งเลยทีเดียวและสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมักจะทำให้เขารู้สึกเย็นเยียบจับขั้วหัวใจมากกว่าตอนที่อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงซะอีก
ในโลกนี้เขาต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตัดสินใจเลือกไม่มีแม้แต่ทางให้หันหลังกลับ
“หุหุหุหุ” เขาหัวเราะออกมาเป็นบ้าเป็นหลังเหมือนคนสติแตก
อาร์คปลงตกอย่างรวดเร็ว
เขายอมแพ้แล้ว...อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด
เคยมีคนบางกล่าวไว้ว่า ‘ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็จงสนุกไปกับมัน’ ประโยคนี้ค่อนข้างโด่งดังเลยทีเดียว
ที่ผ่านมาอาร์คก็อาศัยคำพูดที่ตราตรึงอยู่ในใจของเขาประโยคนี้เป็นแรงบันดาลใจ
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ไม่ว่าเขาจะตกอยู่ในสถานการณ์แบบไหน
เขาก็ไม่เคยสมเพชตัวเองมาก่อน
ถ้าเขายอมรับมันแม้เพียงแต่เศษเสี้ยวเขาคงไม่สามารถทนเรื่องต่างๆ ได้จนถึงตอนนี้
“ความผิดพลาดที่หมู่บ้านฮารันแล้วก็การเปลี่ยนอาชีพที่ไม่ต้องการ
มันเป็นความล้มเหลวมากมายจริงๆ แต่ฉันจะไม่โกรธอีกต่อแล้ว
เอาล่ะ....มาดูความซวยกันดีกว่า? อย่าทำให้ฉันขำมากไปกว่านี้เลย
ถ้าฉันไม่พลาดอีกอาจจะเปลี่ยนตัวละครกากๆ ให้กลายเป็นนักรบไปก็ได้”
ถ้าอาชีพของเขาไม่น่าพอใจ
เขาก็แค่ต้องเพิ่มระดับของเขามากกว่าคนอื่นๆ และถ้าการเพิ่มระดับยังไม่พอ
เขาก็ยังสามารถเพิ่มทักษะได้ เอาให้ตายกันข้างหนึ่งไปเลยยย!
โลกใหม่เป็นเกมที่มีความเป็นอิสระสูง
เพราะว่าการเลือกอาชีพนั้นไม่ได้หมายความว่ามันได้ตัดสินทุกอย่าง
ถ้าไม่ใช่พวกเทคนิคพิเศษ ก็ยังมีทักษะทั่วไปให้เรียนรู้มากมาย
ด้วยทางเลือกที่ไม่จำกัดนี้
เขาสามารถสร้างรูปแบบของตัวละครที่พัฒนาขึ้นได้ทุกสายในแต่ละประเภท
ถึงแม้จะมีตัวอย่างมากมายที่แสดงให้เห็นถึงโทษของการนำไปประยุกต์ใช้ในอาชีพ
แต่ทักษะที่เขาสามารถเรียนรู้ได้นั้นมีมากกว่าที่ไม่สามารถเรียนรู้
อย่างพวกวอริเออร์สายนักเวทย์, โจรสายนักรบ หรืออื่นๆ อีก
นั่นก็หมายความว่าพวกเขาพยายามทำให้ตัวละครนั้นมีความสามารถทำอะไรได้หลายๆ อย่าง
ไม่ใช่ว่ามันเป็นไปไม่ได้แต่เขาต้องเชื่อว่าตอนนี้มันเป็นอิสรภาพอย่างไม่รู้จบ
“เอาล่ะ...พอตัดสินใจได้แล้ว
ก็ไม่มีเวลาแม้แต่จะนั่งแล้วล่ะ” อาร์คลุกขึ้นแล้วมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ล่ามอนสเตอร์
เขาสามารถจัดการมอนสเตอร์ระดับ 20-30
ที่กระจายอยู่ในเขตปราสาทแจ็คสัน ตอนนี้อาร์คมีระดับที่เลเวล 21 แล้ว
ด้วยพื้นที่ซึ่งมีมอนสเตอร์ระดับที่เหมาะสมอาร์คจึงปักหลักยึดที่แห่งนี้เป็นสถานที่ฝึกฝนตัวเอง
“ย๊ากกกกก!”
จากนั้นอาร์คก็หมกมุ่นกับการล่ามอนสเตอร์ทั้งวันทั้งคืน
มอนสเตอร์ตัวแรกที่เขาเลือกเป็นมอนสเตอร์โคลนที่เรียกว่าฮาพูน
(Harpoon) ร่างของมันถูกสร้างขึ้นมาจากโคลน
ดังนั้นอาร์คจึงไม่สามารถใช้ดาบจัดการมันได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ยังมีพลังชีวิตของมันที่ไม่สมดุลกับระดับ 20 เลยสักนิด
แต่สำหรับอาร์คแล้วก็ถือว่าจัดการได้ไม่ยากเท่าไหร่เพราะว่ามันเคลื่อนไหวช้ามาก
ตอนที่การต่อสู้ได้เริ่มขึ้น
อาร์คชนะมันง่ายๆ ด้วยกลยุทธ์การปล่อยคลื่นการโจมตีขณะที่หมุนตัววนไปรอบๆ ฮาพูน
จนมันยุบสลายไปกับพื้นแล้วดรอปแร่เหล็กออกมา มันเป็นไอเท็มที่ขายให้ร้านตีเหล็กแล้วได้ราคาดีมากๆ
ถ้าหากพลังชีวิตของเขาไม่ลดต่ำกว่าครึ่ง
อาร์คไม่มีทางที่จะหยุดพักแน่ๆ
หรือไม่อย่างนั้นเขาจะหยุดก็ต่อเมื่อกระเป๋าของเขาเต็มแน่นจนแทบจะระเบิดหรือไม่ก็ความทนทานของมันลดลงเหลือแค่
5 หรือต่ำกว่านั้น เขาถึงจะยอมกลับไปที่ปราสาทแจ็คสันเพื่อจัดการกับข้าวของพวกนั้น
นอกจากนั้นแล้วเวลาที่เหลือเขาก็จะทุ่มเทไปกับการสู้กับมอนสเตอร์อย่างกระหายเลือด! ถึงจะรู้สึกเหนื่อยล้า
แต่ไม่ว่ามันจะเป็นวิธีที่ยากหรือชวนท้อแท้ขนาดไหนมันก็เป็นความต้องการของเขาเองทั้งหมด
มีเพียงแค่ทำนองเสียงสดใสที่บ่งบอกว่าเลเวลอัพแล้วเท่านั้นที่ทำให้เขาหายเหนื่อยได้
หลังจากที่เขาล่ามอนสเตอร์อย่างเมามันไปถึง
2 วัน ระดับของเขาก็เพิ่มขึ้นอีก 3 เลเวล ทำให้เขามีระดับอยู่ที่ 24
ส่วนทักษะการต่อสู้ระยะประชิด,ทักษะความชำนาญดาบกับการต่อสู้มือเดียวก็เพิ่มขึ้นไปมากและตอนนี้ก็อยู่ในระดับกลางเช่นกัน
เนื่องจากทักษะทั้งสองนี้รวมเป็นทักษะเดียวกันข้อความใหม่จึงปรากฏในหน้าต่างข้อมูลที่กระพริบขึ้น
ทักษะความชำนาญดาบและการต่อสู้มือเดียวได้บรรลุถึงระดับผู้เชี่ยวชาญ
เนื่องจากเทคนิคทั้งสองได้ผสมผสานรวมกันจึงทำให้คุณต้องลงทะเบียนทักษะการโจมตีด้วยมือและดาบ
หมายเหตุ : หากทักษะการโจมตีด้วยมือและดาบถูกลงทะเบียนทางระบบแล้ว
ทักษะความชำนาญดาบและการต่อสู้มือเดียวจะถูกลบโดยอัตโนมัติ
|
การโจมตีด้วยมือและดาบ (ระดับผู้เริ่มต้น : สกิลติดตัว)
เทคนิคระดับผู้เชี่ยวชาญในการใช้ดาบและการต่อสู้มือเดียวได้นำมาใช้ผสมผสานในการต่อสู้
ถึงแม้ว่าคุณจะไม่สามารถใช้โล่ไปพร้อมกับการโจมตีนี้ได้
แต่มันก็เป็นเทคนิคการต่อสู้ขั้นสูงอันละเอียดอ่อนที่ผสมผสานความความชำนาญและความเฉียบคมเอาไว้
ทักษะนี้เพิ่มพลังโจมตีเมื่อสวมใส่ดาบทุกประเภทรวมไปถึงอาวุธจำพวกสนับมือ
นอกจากนี้อัตราหลบหลีกและอัตราการเกิดคริติคอลยังเพิ่มมากขึ้นด้วย
พลังต่อสู้ปกติเพิ่มขึ้น 20% ซึ่งเป็นผลจากการโจมตีด้วยมือและดาบโดยปราศจากการใช้อาวุธจำพวกโล่
|
ค่าสถานะใหม่ได้ถือกำเนิด
ความยืดหยุ่น (+10) : ร่างกายของคุณที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้นจะช่วยทำให้เคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่ว
การหลบหลีกของคุณอยู่ในระดับสูงสุดและได้รับคะแนนพิเศษหากคุณโจมตีที่จุดอ่อนของคู่ต่อสู้
ยังไงก็ตามหากคุณสวมใส่เกราะเหล็กจะทำให้ผลของความคล่องแคล่วลดลง
การแจกค่าสถานะที่ไม่น่าเป็นไปได้ หากคุณหลบหลีกการโจมตีซึ่งเป็นเทคนิคที่ยากได้สำเร็จจะทำให้ระดับเพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติ
|
ดวงตาของอาร์คเป็นประกายสว่างไสวขึ้น
ไม่มีอะไรที่ทำให้ผู้เล่นมีความสุขเท่ากับได้เห็นการเติบโตของตัวละคร
ด้วยเลเวลและทักษะที่เพิ่มมากขึ้นย่อมทำให้พวกเขารู้สึกว่าตัวเองแข็งแกร่งขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้นทักษะการใช้มือต่อสู้นั้นเหมาะสมกับสไตล์การต่อสู้ของอาร์คเป็นอย่างยิ่ง
ด้วยความสามารถของอาร์คเขาสามารถหลบหลีกพื้นที่ในระยะประชิดและโจมตีสวนกลับไปยังจุดตายซึ่งเป็นเทคนิคที่เขาได้เรียนรู้จากเทควันโด
และถ้าเขาใช้ประสาทสัมผัสนี้ผสานในการใช้ดาบโดยตรงแล้วมันจะต้องทำให้เขาโจมตีติดคริติคอลอย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้นทักษะ 'นัยน์ตาแห่งแมว' ยังทำให้อัตราการติดคริติคอลเพิ่มสูงขึ้น
และเมื่อโจมตีติดคริติคอลอย่างต่อเนื่องก็จะทำให้เกิดการระเบิดแผ่กระจายออกไปเป็นวงกว้าง
อาร์คสามารถเอาชนะมอนสเตอร์ตัวหนึ่งด้วยเวลาน้อยกว่า
1 นาที เขาคิดว่าสไตล์การต่อสู้ของตัวเองคล้ายกับวอริเออร์มากกว่า ด้วยรูปแบบการเคลื่อนไหวที่อาศัยจังหวะและการสังเกตจุดอ่อนของคู่ต่อสู้
ไม่ใช่การโจมตีสุ่มสี่สุ่มห้าแบบประชิดตัวของพวกโจร
"เอาละ...ทีนี้คงต้องเข้าไปลึกกว่านี้แล้วล่ะมั้ง"
อาร์คมองเข้าไปด้านในของป่าลึก
โซโล่เพลเยอร์นั้นจะมีความมั่นใจถ้าหากมอนสเตอร์ที่ต่อสู้ด้วยนั้นมีเลเวลต่ำกว่าตัวเอง
อาร์คเองก็ทำแบบนั้นมาจนถึงตอนนี้
แต่ตอนนี้มอนสเตอร์แถวนี้เริ่มไม่ให้ค่าประสบการณ์น้อยเกินไป
มีทางเดียวก็คือเขาต้องเข้าด้านในซึ่งมีมอนสเตอร์ที่แกร่งกว่าอาศัยอยู่
แต่การเปลี่ยนพื้นที่ล่ามอนสเตอร์โดยที่ไม่มีข้อมูลอะไรเลยมันคือความผิดพลาดอย่างมหันต์
ทันทีที่อาร์คก้าวเข้าไปในป่าลึก
เขาก็ได้ยินเสียงคำรามโฮกฮากน่ากลัว
ฉับพลันที่เขาหันไปมองตามเสียงใบหน้าของอาร์คก็เกร็งค้าง
ท่ามกลางความมืดเขาเห็นหมาป่านัยน์ตาแดงฉานค่อยๆ
ก้าวโผล่ออกมา พวกมันมีร่างกายที่ใหญ่โตราวกับวัว ขนมันวาวสีดำสนิท
และมีเขี้ยวยาวออกมาราวกับมีดแหลม พวกมันคือไดร์วูล์ฟ (TL
: ไดร์วูล์ฟ คือหมาป่ายักษ์จากยุคน้ำแข็ง)
‘มีไดร์วูล์ฟตั้ง 5 ตัวเลยเหรอ!’
ไดร์วูล์ฟนั้นเป็นหมาป่าที่มีพละกำลังมากกว่าหมาป่าธรรมดาเป็นอย่างมาก
โดยเฉพาะยิ่งตอนนี้เป็นเวลากลางคืนยิ่งทำให้มันแข็งแกร่งเพิ่มจากเดิมถึง 30% พวกมันเป็นศัตรูที่น่ากลัว อาร์คไม่มั่นใจว่าตัวเขาที่มีระดับอยู่ที่ 24
นั้นจะจัดการพวกมันสองหรือสามตัวรึเปล่าด้วยซ้ำ
ร่างกายของเขาแข็งทื่อเต็มไปด้วยความตึงเครียด
‘บ้าเอ๊ย! เป็นเพราะฉันประมาทเกินไป
จะวิ่งหนีตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว’
การฝึกเทควันโดที่ผ่านมาทำให้เขาตัดสินใจและเคลื่อนไหวต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
จู่โจมก่อนย่อมได้เปรียบ! มันเป็นวิธีที่กังฟู,มวยปล้ำ,หรือแม้แต่กีฬาการต่อสู้อย่างอื่นๆ
ก็ใช้มันเป็นแนวทางของการต่อสู้
อาร์คย่นระยะห่างระหว่างเขากับพวกมันได้อย่างรวดเร็ว
เขาเหวี่ยงดาบฟันไปยังจุดอ่อนของมันอย่างเฉียบคม ร่างของหมาป่าล้มหงายหลังลงทันที
แต่ยังไงก็ตามหมาป่าเป็นสัตว์ที่เชี่ยวชาญในการล่าสัตว์เป็นฝูง
เมื่อพวกมันเห็นเพื่อนมันโดนทำร้าย
ในขณะที่อาร์คมุ่งการโจมตีไปที่หมาป่าตัวอื่นอยู่
ร่างใหญ่โตของหมาป่าตัวอื่นก็กระโจนเข้าใส่อาร์คและกัดที่หลังของเขาอย่างรุนแรงจนติดค่าคริติคอลเพื่อเป็นการแก้แค้นให้กับเพื่อนของมัน
สติของเขาถึงกับหมุนคว้าง
คุณถูกโจมตีคริติคอลดาเมจ
พลังชีวิตลดลง 50 จุด!
คุณได้รับผลกระทบจากการเสียเลือด
และจะเสียเลือด 2 จุดทุก 10 วินาทีจนกว่าการต่อสู้จะจบ
|
‘นี่เป็นการซ้ำเติมที่แย่ที่สุด
ถ้าเป็นแบบนี้ฉันต้องตายแน่ๆ ต้องฆ่าพวกมันให้หมด!’
อาร์คที่ต้องเผชิญหน้ากับฝูงหมาป่าคลายมือที่กำดาบแน่น
เขาตวัดดาบใส่หมาป่าเป็นวงกว้างก่อนจะใช้กรงเล็บแมวโจมตีใส่มันอย่างรวดเร็วพลางพุ่งตัวกลิ้งหลบไปที่พื้นแล้วรีบสปริงตัวลุกขึ้นมาเตะอีกครั้ง
หลังจากการต่อสู้นองเลือดผ่านไป 10
นาที หมาป่าสามตัวก็ถูกจัดการลง แต่อาร์คก็ยังได้รับโทษเสียเลือดอยู่
ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาต้องจ่ายไปด้วยราคาที่สูงมาก
‘แฮ่กๆๆ เลือดของฉันเหลือแค่ประมาณ 20% เองเหรอเนี่ย’
เมื่อประเมินสถานการณ์ที่อยู่ในภาวะคับขันอาร์คเรียกใช้สกิลทันที “นัยน์ตาแห่งแมว!”
ทันทีที่เรียกใช้สกิล
ดวงตาของเขาก็กลายเป็นสีทองเหมือนกับตาแมว
เมื่อมองไปยังหมาป่าพวกนั้นเขาก็เห็นแถบเลือดที่ลดลงเหลืออยู่ครึ่งหนึ่งปรากฏอยู่เหนือหัวของหมาป่า
‘ถ้ามันเป็นไปได้ด้วยดีละก็...ฉันก็น่าจะเอาชนะมันได้’
ในขณะที่อาร์คเริ่มผ่อนคลายจากความตึงเครียด
หมาป่าที่กำลังจ้องมองอยู่ไม่พลาดโอกาสที่อีกฝ่ายเปิดช่องว่าง
มันวิ่งเข้ามาจู่โจมอย่างรวดเร็ว
ขณะที่นัยน์ตาสีทองของเขากำลังทำงานอยู่นั้น
อาร์คก็เห็นเลือดที่กำลังลดลงเรื่อยๆ
ร่างกายของเขากลายเป็นสีแดงด้วยการตกอยู่ในภาวะวิกฤต เวลาเดียวกันนั้น
ข้อความจากหน้าต่างข้อมูลก็กระเด้งขึ้นมารัวๆ
ทักษะความทรหดและร่างกายที่ไม่ย่อท้อที่แสดงผลเมื่อตกอยู่ในภาวะวิกฤตนั้นทำให้ร่างกายของเขาอาบไล้ไปด้วยแสงสว่าง
พลังการโจมตี
ความรุนแรงค่าคริติคอลและอัตราการหลบหลีกได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างกะทันหัน!
‘นี่มันเป็นโอกาส!’
ดวงตาของอาร์คเจิดจ้าขณะที่เขาฟาดฟันดาบของเขาออกไป
เคล้ง! เคล้ง! การโจมตีจุดอ่อนที่ติดค่าคริติคอลทั้งสองครั้งประสบความสำเร็จอย่างดีเยี่ยม
ร่างของหมาป่าทรุดตัวลงด้วยความเจ็บปวด
ขณะที่เขาปราบตัวหนึ่งได้แต่หมาป่าอีกตัวกลับพุ่งมาโจมตีทางด้านข้าง
อาร์ครีบเอี้ยวตัวพลางเหวี่ยงดาบสกัดกั้น โชคดีที่เขารอดจากการโจมตีนั้นได้
แต่โชคร้ายที่ดาบนั้นตัดได้เพียงขนกระจุกหนึ่งของมัน
การโจมตีคริติคอลของคุณล้มเหลว!
|
ถ้ามันเป็นการโจมตีธรรมดาก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมันถึงพลาด
แต่ตอนนี้ทักษะของเขานั้นกำลังใช้งานอยู่โดยอัตโนมัติซึ่งทำให้การโจมตีของเขามีอัตราโจมตีติดคริติคอลสูงกว่าปกติมาก
ถึงมันจะแสดงให้เห็นว่าเขากำลังย่ำแย่ แต่การโจมตีที่ติดคริติคอล 2
ครั้งติดต่อกันเมื่อครู่นี้ก็ถือว่ามากแล้วดังนั้นต่อจากนี้จึงมีโอกาสที่เขาจะโจมตีพลาดสูงมาก
“โอ้...ไม่! ถ้าฉันตายตอนนี้ค่าสถานะจะต้อง...” อาร์คที่กำลังจะคร่ำครวญชะงักกึกก่อนจะนึกขึ้นมาได้ “ซัมมอนปีศาจ! ใช่แล้ว...ถ้าเรียกใช้สกิลนั้นก็น่าจะทำอะไรได้ซักอย่าง!”
มันเป็นโอกาสเดียวของอาร์ค
เขาซัมมอนเรียกหัวกระโหลกออกมาก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าหัวกระโหลกอันนั้นแล้วเขวี้ยงใส่หมาป่าสุดแรง
หัวกะโหลกที่ถูกซัมมอนออกมาลอยคว้างไปกระแทกเข้าที่ขาของหมาป่า
แม้ว่าค่าเสียหายจะเป็นเพียงแค่ 1 จุด
แต่มันก็สามารถหยุดการเคลื่อนไหวที่วิ่งพุ่งตรงเข้ามาพลางแสยะเขี้ยวที่ยาวโง้งของมันเตรียมจะโจมตีอาร์คได้สำเร็จ
นี่เป็นโอกาสที่เขาคิดไม่ถึงมาก่อน
อาร์คก้าวเท้าออกจากจุดที่ยืนก่อนจะปิดฉากการต่อสู้ด้วยการฟันดาบไปยังร่างของหมาป่าอย่างเต็มแรงจนเกิดประกายแสงระเบิดออกสว่างไสว
คุณโจมตีจุดอ่อนของคู่ต่อสู้
ได้รับโบนัสจากการต่อสู้ร่วมกับหัวกะโหลก
ดาเมจการโจมตีเพิ่ม 30%
|
บรู๋ววววว!
หมาป่าร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวดก่อนจะทรุดตัวนอนตายอยู่ที่พื้น
มันเป็นชัยชนะที่คาดไม่ถึง
อาร์คตระหนักได้ว่าเขาชนะมาได้อย่างหวุดหวิดเมื่อมองเช็คพลังชีวิตก็เห็นว่าเลือดเหลืออยู่เพียงแค่
3 จุด ถ้าหากการต่อสู้ลากยาวไปซัก 20 วินาทีเขาก็จะเป็นฝ่ายตายเองเพราะเลือดหมดตัวแน่ๆ
ตอนนี้ถึงโทษเลือดของเขาหายไปเพราะการต่อสู้จบลงแต่หัวใจก็ยังเต้นตุบๆ
ในขณะที่เลือดอุ่นๆ สูบฉีดผ่านทางเส้นเลือด
แต่นี่ใช่เวลามาตื่นเต้นเหรอ!? อาร์คที่เพิ่งนึกขึ้นมาได้รีบวิ่งไปหาที่ปลอดภัยหลบอย่างรวดเร็ว
หลังจากค่าพลังกายของเขาฟื้นกลับมาจนเต็ม เขาก็เริ่มใจเย็นลง
ชายหนุ่มมองไปที่หัวกะโหลกอย่างประหลาดใจ
หัวกระโหลกอันนั้นกลิ้งไปมารอบตัวเขาเหมือนเป็นลูกสุนัขที่กำลังรอรับคำชมจากผู้เป็นเจ้านาย
มันเป็นตัวประหลาดที่อาร์คตัดสินใจว่าจะไม่เรียกพวกมันออกมาอีกเพราะการปรากฏตัวของมันโคตรน่าผิดหวังเกินบรรยาย
ถึงมันดูเหมือนจะช่วยอะไรเขาไม่ได้เลยซักนิด
แล้วมันก็ยังใช้มานาในการต่อสู้อีกด้วยนั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงไม่เรียกมันออกมา
แต่ยังไงก็ตามการที่เขารอดชีวิตครั้งนี้ได้ก็เป็นเพราะหัวกะโหลกอันนี้
แล้วความคิดของอาร์คก็เริ่มเปลี่ยนไป
‘อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่มีล่ะนะ’
“ยังไงก็เถอะ...ชั้นรอดชีวิตเพราะนาย
ขอบใจละกันนะกะโหลก”
“กั่กๆๆ” หัวกะโหลกขบฟันราวกับว่ามันเข้าใจคำพูดของอาร์ค
ไม่กี่วันที่ผ่านมาอาร์คจดจ่อกับการล่ามอนสเตอร์มาก
จะมีบางครั้งที่เขากลับไปที่ปราสาทแจ็คสันเพื่อจัดการข้าวของเครื่องใช้
ถึงจะอยู่ตัวคนเดียวแต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกอะไรจนถึงตอนนี้เพราะเอาแต่หมกมุ่นแต่จะล่ามอนสเตอร์
แต่เขาก็ต้องคิดใหม่เมื่อป่าแห่งนี้มันกว้างใหญ่และเปล่าเปลี่ยววิเวกวังเวงผิดปกติ
“นี่...ฉันรู้สึกขอบใจแกจริงๆ นะ”
ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เบื่อถ้าอยู่กับหัวกะโหลกอันนี้
นอกจากนี้มันก็อาจจะมีวิธีที่ใช้พวกนี้ช่วยเขาได้อยู่ เอาจริงๆ
แล้วถึงการซัมมอนปีศาจจะเพอร์เฟคน่าพอใจขนาดไหนแต่มันก็ใช้มานาในการต่อสู้
แต่ถ้าเขาไม่ใช้สกิลนัยน์ตาแห่งแมวมันก็ไม่ได้กินมานาซักเท่าไหร่
“เอาล่ะ...ยังไงมันก็เป็นทักษะที่ฉันเรียนรู้มา
ฉันก็ควรจะพยายามใช้มันให้ได้ใช่มั้ยล่ะ?”
อาร์คมองไปข้างหน้าแล้วซัมมอนค้างคาวขึ้นมาอีกตัว
เมื่อเขาตัดสินใจที่จะใช้ปีศาจพวกนี้
ก็มีทางที่จะใช้งานพวกมันอย่างไม่คาดคิดมากมาย
ค้างคาวมีความสามารถในการสืบหาข้อมูลในพื้นที่ต่างๆ
มาก
ถ้าเขาใช้ค้างคาวออกไปสำรวจก่อนย้ายพื้นที่ล่ามอนสเตอร์ก็จะลดโอกาสที่จะถูกพวกหมาป่าล้อมบุกโจมตี
และมันก็ยังเป็นประโยชน์ในการสำรวจภูมิประเทศเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้หัวกะโหลกและค้างคาวนั้นก็ยังสามารถช่วยสู้ได้
“บุก!”
เมื่ออาร์คโบกมือเริ่มการโจมตีหัวกะโหลกและค้างคาวต่างก็พุ่งเข้าไปหาเยติ
หัวกะโหลกกัดข้อเท้าของเยติเพื่อชะลอการเคลื่อนไหว
ส่วนค้างคาวก็บินโฉบฉวัดเฉวียนบังการมองเห็นของมันไปมา
อาร์คที่ยืนสังเกตการณ์หาจังหวะแล้วพุ่งเข้าไปโจมตีอย่างรุนแรงด้วยการติดตริติคอล
ซึ่งอัตราการเกิดคริติคอลที่เพิ่มสูงขึ้นมานั้นเป็นผลมาจากโบนัสการโจมตีร่วมกับทาสรับใช้ทั้งสองตัวที่เพิ่มเข้ามา
มันก็เหมือนกับการเริ่มต้นการต่อสู้กับมอนสเตอร์ที่พลังชีวิตลดลงไป
20% ตั้งแต่แรก
หลังจากที่อาร์คเริ่มใช้วิธีนี้ต่อสู้เขาก็แทบนึกไม่ออกเลยว่าจะต่อสู้โดยไม่มีทาสรับใช้สองตัวนี้ยังไง
“ฮ่าๆๆๆๆ คิดไว้แล้วต้องเป็นแบบนี้” อาร์คที่ไม่เคยคิดว่าจะใช้งานปีศาจพวกนี้ยังไงได้แต่ยืดแล้วยืดอีก
ถึงแม้ว่าเขายังไม่รู้ว่าจะใช้งานไข่ที่เหลือยังไง
แต่แค่หัวกะโหลกและค้างคาวก็ทำให้เขาล่ามอนสเตอร์ได้เร็วกว่าเดิมแล้ว
และถึงมันจะไม่มีประโยชน์เท่าไหร่ถ้าต่อสู้กับมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่ง
แถมในความเป็นจริงมันอาจจะถูกบดขยี้ไม่เหลือซากก่อนที่เขาจะเข้าใกล้พวกโหดๆ
นั่นซะอีก แต่บางทีมันก็อาจจะเป็นโล่ป้องกันไม่ให้เขาโดนโจมตีก็ได้
แม้ว่าทาสรับใช้ที่ถูกทำลายจะทำให้พลังชีวิตของเขาลดลงครึ่งหนึ่งก็ตาม
แต่การเสียพลีงชีวิต 50 จุดก็ไม่ได้สร้างความเสียหายร้ายแรง
นอกจากนี้ถึงมันจะถูกทำลายไปแต่เขาก็สามารถซัมมอนมันออกมาอีกครั้งเมื่อไหร่ก็ได้หลังจากผ่านไป
24 ชม.
“ดาร์ค
วอล์คเกอร์นี่อาจจะเป็นอาชีพที่ดีกว่าที่คิดก็ได้นะเนี่ย”
อาร์คเริ่มติดใจเสน่ห์ของอาชีพนี้มากขึ้นเรื่อยๆ
ตัวละครแบบนี้เขาก็ไม่รู้ว่ามันจะทำอะไรได้บ้างเหมือนกัน
ขณะที่อาร์คเดินลึกเข้าไปในป่าเขาก็ตะโกนออกมาอย่างกล้าหาญ “มุ่งไปข้างหน้า มุ่งไปข้างหน้า แล้วลองมันให้หมดทุกอย่าง!”
***
ฮว้ากกก!
ซอมบี้แผดเสียงกรีดร้องประหลาดก่อนจะฟุบตัวลงนอนกองที่พื้น แล้วข้อความก็แสดงขึ้นพร้อมกับทำนองเสียงร่าเริง
ระดับของคุณได้เพิ่มขึ้น!
|
ชื่อตัวละคร
|
อาร์ค (Ark)
|
เผ่าพันธุ์
|
มนุษย์
|
ธาตุ
|
ไม่มี
|
||
ชื่อเสียง
|
300
|
ระดับ
|
26
|
อาชีพ
|
Dark Walker
|
||
ฉายา
|
อัศวินแมว
|
||
เลือด
|
745
|
มานา
|
250
|
โจมตีกายภาพ
|
104
|
คล่องแคล่ว
|
104 (+17)
|
พลังกาย
|
124
|
โจมตีเวทย์
|
44
|
ป้องกันเวทย์
|
23
|
โชค
|
23
|
พลังจิตวิญญาณ
|
100
|
||
ค่าสถานะพิเศษ : ความรู้เกี่ยวกับวัตถุโบราณ (10)
|
|||
เอฟเฟคของอุปกรณ์สวมใส่
|
|||
ดาบแสงประกาย : ความเร็วในการโจมตี+5
กรงเล็บแมว : ความเร็วในการโจมตี+10,คล่องแคล่ว+15,อัตราเกิดคริติคอล+10%
|
|||
*ความสามารถทั้งหมดจะเพิ่มขึ้น 20% เมื่ออยู่ในความมืด
*ความสามารถในการหลบซ่อนตัวในที่มืดถือกำเนิดขึ้น (ใช้ได้ 10 นาที เมื่อต่อสู้จะถูกยกเลิก)
*ความต้านทานต่อความหวาดกลัว,ความมืด,สถานะตาบอด,และมนต์เสน่ห์เพิ่มขึ้น
50%
*คุณสามารถใช้ความสามารถที่แท้จริงได้กับอาวุธทุกประเภท
|
‘เฮ้อ...มันยากกว่าที่คิดแฮะ’
ใบหน้าของอาร์คโชกไปด้วยเหงื่อ
แต่เขาก็ยังยิ้มแย้มอย่างมีความสุข
ไม่มีเหตุผลที่เขาจะบ่นหรือโวยวายที่ต้องล่ามอนสเตอร์อย่างหนัก
เพราะความพยายามอุตสาหะที่ผ่านมานั้นในที่สุดเขาก็แสดงผลออกมาเป็นรางวัลซึ่งเป็นสิ่งตอบแทน
อาร์ครู้สึกเหมือนอารมณ์ของเขากำลังพลุ่งพล่านถึงขีดสุด
แล้วเขาก็จมดิ่งอยู่ในห้วงอารมณ์นั้นทำให้การล่ามอสเตอร์เป็นไปอย่างรวดเร็วจนเข้าไปในส่วนลึกของป่าที่เรียกว่า
ชาโดวฟอเรสต์
มันเป็นพื้นที่รอบๆ ปราสาทแจ็คสัน
เป็นป่าที่ถูกขนานนามว่ามีระดับยากที่สุด
เพียงแค่บรรยากาศที่แผ่ออกมาจากชาโดวฟอเรสต์นั้นก็แตกต่างจากที่อื่นๆ
ภายใต้เงาไม้ที่มืดทึบทำให้ยากที่จะแยกแยะเส้นทางที่อยู่เบื้องหน้า
กิ่งก้านของต้นโอ๊กเก่าแก่ห้อยระย้าเกาะเกี่ยวเป็นปมราวกับเส้นเชือก
อีกทั้งยังมีพืชประหลาดที่ปกคลุมพื้นดินจนดำมืดคล้ายกับว่าเมื่อเหยียบย่างลงบนพื้นก็อาจจะพบกับความตายได้ทุกเมื่อ
ขนาดมอนสเตอร์ที่โผล่ออกมาก็ยังประหลาดไม่แพ้กัน
หมาป่าซากศพ,ซอมบี้ และผีกูล(ปอบ)ที่ดูเหมือนจะเป็นมอนสเตอร์อันเดดถือกำเนิดขึ้น
แม้ว่าหมาป่าซากศพจะมีระดับสูงกว่าอาร์ค
แต่เหนือหมาป่าก็ยังมีบอสมอสเตอร์ระดับกลางที่มีเลเวล 50
ซึ่งเขาไม่ต้องคิดเลยว่าจะทำยังไงถ้ามันเฉียดใกล้เข้ามา
ยังไงก็ตามเหล่าอันเดดพวกนั้นไม่ได้ทำให้อาร์คที่มีกำลังใจสูงส่งรู้สึกกลัวเลยซักนิด
ไม่สิ...อันที่จริงแล้วอาร์คเพิ่งเข้าใจถึงความหมายที่แท้จริงของ
ดาร์ค วอล์คเกอร์ ก็ตอนที่เดินเข้าป่าที่เต็มไปด้วยซากศพพวกนี้นี่เอง
เพราะทันทีเขาก้าวเข้าไปในป่าที่มืดสนิทนั้น
หน้าต่างข้อมูลก็แสดงขึ้นมาในเวลาเดียวกันนั้นเอง
เอฟเฟคพิเศษของอาชีพดาร์ค วอล์คเกอร์ : ค่าสถานะทั้งหมดเพิ่มขึ้น
20% เมื่ออยู่ในความมืด
|
เอฟเฟคนี้จะแสดงผลเมื่ออยู่ในเวลากลางคืนเช่นเดียวกัน
ยังไงก็ตามมอนสเตอร์ส่วนใหญ่ก็จะมีค่าสถานะสูงกว่า 30% ในตอนกลางคืนอยู่แล้ว
สุดท้ายแล้วก็แทบจะไม่มีความแตกต่างอะไรเลย
แต่ตอนนี้ยังเป็นเวลากลางวันค่าสถานะของพวกมันยังเหมือนเดิม
ขณะที่อาร์คมีค่าสถานะเพิ่มมากขึ้น
ถึงแม้ว่าอาร์คจะมีระดับอยู่ที่เลเวล
26 แต่ความสามารถของเขานั้นกลับเทียบเท่ากับระดับ 30!
ตั้งแต่ที่ค่าสถานะและสกิลของเขาถูกผสานรวมกันก็ทำให้เกิดความแตกต่างเป็นอย่างมาก
ถึงหมาป่าซากศพจะมีระดับอยู่เวล 20 ปลายๆ ก็ยังมีระดับไม่เหมาะสมกับเขา
จุดที่ยากไม่ใช่การต่อสู้อย่างยากลำบากกับพวกผีดิบหรือพวกกูลที่มีระดับประมาณ
30 ต้นๆ เพราะหนึ่งในเทคนิคของอาชีพเขาคือการ 'ซ่อนตัว' และการใช้ทักษะนี้ก็ไม่มีผลกระทบแต่อย่างใด
ดังนั้นแล้วถ้าเขาใช้มันอย่างถูกวิธีเขาก็จะได้พักผ่อนอย่างสบายๆ
ท่ามกลางมอนสเตอร์ที่เดินเพ่นพ่านไปมา
ดาร์ค
วอล์กเกอร์นั้นเป็นอาชีพที่จะแสดงความสามารถที่แท้จริงในที่มืด
ด้วยความสามารถของอาชีพนี้ก็ทำให้เขาสามารถล่ามอนสเตอร์ที่ตามปกติไม่มีทางจัดการได้
เมื่อผู้เล่นเอาชนะมอนสเตอร์ที่มีระดับสูงกว่าตัวเองถึง 5
เลเวลก็จะทำให้ได้รับค่าประสบการณ์เพิ่มขึ้น
เมื่อเทียบกับค่าประสบการณ์ที่เหมือนจะหยุดนิ่งก่อนเข้ามาในป่าตอนนี้กลายเป็นว่าแทบพุ่งกระฉูดจากเดิมเป็นอย่างมาก
'แถมมันยังดรอปของเยอะซะด้วย
ฉันอยากจะล่าอันเดดพวกนี้จริงๆ'
อาร์คมีกำลังใจเพิ่มมากขึ้น
มอนสเตอร์อันเดดนั้นค่อนข้างดรอปของหลายชนิด
ส่วนใหญ่จะเป็นของคุณภาพต่ำอย่างก้อนเนื้อเน่าๆ หรืออะไรเทือกๆ นั้น
แต่บางครั้งมันก็ดรอปเป็นอุปกรณ์อย่างมีด ถุงมือหรือรองเท้า
อาร์คเก็บของพวกนั้นจัดวางเรียงเป็นระเบียบในกระเป๋าของเขา จริงอยู่ว่าถึงไอเท็มพวกนี้อาจจะขายได้ไม่กี่ทองแดงก็ตาม แต่สำหรับอาร์คที่มีชีวิตรอดด้วยการทำงานพาร์ทไทม์รู้ซึ้งถึงคุณค่าของมันดี
พวกมันก็เปรียบเหมือนน้ำหยดเล็กๆ ที่หยดตกลงมาจนกลายเป็นมหาสมุทรกว้างใหญ่
ถึงมันจะให้เงินไม่กี่ทองแดง แต่เมื่อรวมกันมากๆ เข้ามันก็กลายเป็นเหรียญเงินและเหรียญทองในที่สุด
อาร์คเลือกสิ่งของพวกนี้มาใส่ให้ตัวเองนิดหน่อย
รองเท้าชำรุด
|
|||
ประเภทชุดเกราะ
|
รองเท้าหนัง
|
||
พลังโจมตี
|
5
|
ความทนทาน
|
5/5
|
น้ำหนัก
|
8
|
การจำกัด
|
ไม่มี
|
รองเท้าหนังสีซีดที่พวกอันเดดใส่มาตลอดชีวิตจนขาดเปิดเปิงและมีกลิ่นเหม็นเน่าโชยออกมา ไม่มีทางที่ช่างฝีมือจะซ่อมแซมรองเท้าคู่นี้ให้ดูมีราคาได้เลย
|
หมวกหนังสกปรก
|
|||
ประเภทชุดเกราะ
|
หมวกหนัง
|
||
พลังโจมตี
|
5
|
ความทนทาน
|
9/9
|
น้ำหนัก
|
5
|
การจำกัด
|
ไม่มี
|
หมวกหนังที่พวกอันเดดสวมมาตลอดชีวิต มันเป็นหมวกที่ดูเหมือนจะใช้กันฝน
คงไม่ต้องพูดถึงว่ามันกันดาบได้หรือไม่...
|
ไม่ว่าจะค่าสถานะหรือลักษณะรูปร่างของมันก็ชวนหดหู่อย่างรุนแรง
ทั้งรองเท้าที่ขาดรุ่งริ่งและหมวกที่ดูเลอะเทอะโสโครกสุดๆ ถ้าใครเห็นไกลๆ
ต้องเข้าใจผิดว่าเขาเป็นขอทานแน่ๆ
แถมมันยังทำจากหนังที่อับอากาศจนคนที่ได้กลิ่นอาจจะช็อคหมดสติไปเลยก็ได้
ยังไงก็ตามอาร์คหัวเราะออกมาอย่างยินดี
การซื้อรองเท้าและหมวกที่ไม่มีค่าป้องกันจากร้านค้ายังต้องเสียเงินถึง 50
เหรียญเงิน อย่างน้อยมันก็ดีกว่าถ้าเขาทนกลิ่นเหม็นเน่าพวกนี้แทนที่จะเสียเงินถึง
50 เหรียญเงิน นอกจากนี้ยังมีแต้มป้องกัน
ดังนั้นไม่มีอะไรที่อาร์คต้องการไปมากกว่านี้อีกแล้ว
อาร์คดีใจมากจริงๆ
ที่ตัดสินใจเข้ามายังชาโดวฟอเรสต์แห่งนี้
เขาได้รับโบนัสค่าสถานะและค่าประสบการณ์ของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ไอเท็มที่มีประโยชน์บางอย่างก็ดรอปให้บ้างเหมือนกัน ไม่รู้ว่ามีสถานที่ดีๆ
แบบนี้อยู่ในเกมอีกบ้างหรือเปล่า? แต่ถ้าทำได้เขาก็อยากจะล่ามอนสเตอร์อยู่ในชาโดวฟอเรสต์อีกหลายๆ
วัน
แต่แล้วปัญหาที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
สิ่งที่ทำให้เขาเป็นกังวลก็คือค่าความทนทานของอุปกรณ์นั่นเอง
อาร์คไม่ได้เรียนทักษะซ่อมแซมมาเลย
เป็นเพราะว่าเขาคิดว่าไม่จำเป็นที่จะต้องใช้มัน
หลังจากที่ทำเควสต์ในปราสาทแจ็คสันเสร็จเรียบร้อย
ถ้ามีบางสิ่งที่เขาได้รับเป็นสิ่งตอบแทนมันก็คือสิทธิ์ที่จะใช้สถานที่อำนวยความสะดวกต่างๆ
ที่ท่านลอร์ดเป็นเจ้าของ ยกตัวอย่างเช่น โรงตีเหล็กชั้นดี ถ้าเขาไปใช้บริการที่นี่
พวกนั้นก็จะซ่อมแซมอุปกรณ์ของเขาและคิดราคาเพียงแค่ครึ่งเดียวของโรงตีเหล็กธรรมดาเท่านั้น
ตั้งแต่ที่เขาเริ่มล่ามอนสเตอร์บริเวณรอบๆ
ปราสาทแจ็คสัน เขาก็ไม่เคยต้องจ่ายเงินจำนวนแพงๆ เพื่อเรียนสกิลอะไรเลย
นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมอาร์คถึงกังวลถ้าความทนทานพวกอาวุธหมดลง
เขาก็ต้องหยุดการล่ามอสเตอร์ในพื้นที่ห่างไกลจากปราสาทแจ็คสันแห่งนี้ทันที
ยังไงก็ตามกลับมีปัญหาที่เลวร้ายยิ่งกว่าซึ่งเป็นประเด็นที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยสักครั้ง
นั่นก็คืออาหาร...
อาร์คเตรียมขนมปังข้าวสาลีตอนที่ออกจากปราสาทแจ็คสันมาเพียงแค่
10 ก้อนเท่านั้น
ตั้งแต่ที่เขาเริ่มทำอาหารเพื่อความอยู่รอดเขาก็จะวางแผนหาส่วนผสมจากตรงนั้นตรงนี้มาทำอาหารแล้วก็กินมัน
ถึงแม้ว่าเขาจะทำแบบนั้นในป่าที่ผ่านมาแต่สำหรับชาโดวฟอเรสต์นั้นไม่ใช่ป่าธรรมดา
แน่นอนว่าเขาเห็นส่วนผสมที่ใช้ทำอาหารมากมายในชาโดวฟอเรสต์
แต่ว่าป่าแห่งนี้ก็เป็นสถานที่ที่อันเดดเดินเพ่นพ่านไปมารอบๆ ในเวลากลางวัน
เขาไม่สามารถหาส่วนผสมอาหารแบบธรรมดาๆ ได้เลย
ไม่ว่าจะเป็นพวกเห็ดหรือต้นหญ้าที่ดูเหมือนลูกตาหรือลำไส้นั่น
เพียงแค่จินตนาการว่าเวลากินเข้าไปจะมีรสชาติยังไงหรือเวลาเคี้ยวกรุบกรอบแค่ไหนก็ทำให้เขาสั่นไปทั้งตัวแล้ว
และถึงรสชาติมันจะดีหรือไม่รู้สึกอะไรเลยแต่ปัญหาก็คืออาร์คไม่รู้ว่าส่วนผสมชนิดไหนจะส่งผลในการทำอาหารซึ่งเป็นคุณสมบัติพิเศษของการปรุงอาหารเพื่อความอยู่รอด
‘นั่นมันอันตรายแน่นอน
ถึงจะมีสัญญาณอันตรายที่บอกรายละเอียดเกี่ยวกับมันก็เถอะ’
บางทีอาจเป็นเพราะเกรดของส่วนผสมนั้นอยู่ในระดับที่สูงเกินไปจนเขาไม่สามารถหาข้อมูลเบื้องต้นจากทักษะระบุส่วนผสมได้
แต่อันที่จริงแล้วถ้าตามปกติเขาแค่มองออกไปก็ต้องเห็นข้อมูลรายละเอียดแล้วไม่ใช่เหรอ?
ถึงพวกมันไม่ได้มีเครื่องหมายหัวกระโหลก
แต่มันก็เป็นส่วนผสมที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอณูความอันตรายชนิดหายนะมาเยือนแน่ๆ
อาร์คซึ่งอาศัยความสามารถของอาชีพที่ซ่อนอยู่ล่ามอนสเตอร์อย่างสบายๆ
ในชาโดวฟอเรสต์ แต่ถ้าเกิดเขาทำอาหารประหลาดๆ แล้วพอกินมันเข้าไปดันซวยเกิดคลุ้มคลั่งวิ่งออกไปอาละวาด
เขาก็คงจะกลายเป็นอาหารของพวกอันเดดที่เดินสวนสนามอยู่ตรงนั้นแน่ๆ
ถ้าไม่ใช่สถานที่ปลอดภัย
มันก็คงจะดีกว่าถ้าเขาไม่ทำอาหารเพื่อความอยู่รอดแบบใหม่แล้วกินมันเข้าไป
'อยากจะบ้าตาย! ขนมปังข้าวสาลีก็ดันหมดพอดี
แม้แต่อัตราการฟื้นตัวก็ลดลงไปตั้ง 50% ถ้าเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ
เราจะต้องติดสถานะโทษบางอย่างแน่ๆ มีทางคือเราต้องรีบกลับไปที่หมู่บ้าน
อาจจะใช้เวลาซัก 1-2 ชั่วโมง
หรือไม่ก็เดิมพันชีวิตไว้กับการอาหารที่เราลองทำ?'
อาร์ครื้อค้นของในกระเป๋า
ก่อนจะคิดอะไรบางอย่างออก
'ใช่แล้ว! ทำไมชั้นถึงคิดไม่ออกนะ'
"อัญเชิญปีศาจ ไข่ปรโลก!"
สิ้นเสียงของอาร์ค ไข่ปีศาจก็ปรากฏออกมา
มันเป็นทาสรับใช้ที่อาร์คไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่
เพราะมันแตกต่างจากหัวกะโหลกและค้างคาว
ซึ่งเขาพยายามคิดในแง่ดีว่ามีมันอยู่ก็ดีกว่าไม่มีอะไรเลย
อาร์คจึงไม่คิดว่าจะซัมมอนมันอีกครั้ง แต่แล้วเขาก็มีเหตุผลที่จะซัมมอนมันขึ้นมาในที่สุด
อาร์คกลืนน้ำลายขณะจ้องมองไข่ปรโลกที่เรียกออกมา
'ถึงมันจะเป็นทาสรับใช้หรือตัวอะไรก็ตาม
แต่มันก็เป็นแค่ไข่ฟองใหญ่กว่าปกตินิดหน่อย
ไม่มีเหตุผลอะไรที่ฉันจะเอามาทำอาหารไม่ได้
มีข่าวลือว่าพวกปีศาจกินมันออกจะบ่อยแล้วมันก็ยังเป็นส่วนผสมของอาหารอีก
ยังไงไข่นี่ก็ดีกว่าพวกต้นไม้ใบหญ้าพิลึกกึกกือในป่านั่นก็แล้วกัน
ถึงมันจะหายไปแต่ฉันก็ยังเรียกมันออกมาได้อีก
ถ้าเป็นไปได้ด้วยดีมันก็จะกลายมาเป็นส่วนประกอบที่ใช้ได้เรื่อยๆ ไม่มีวันหมด
ฉันมั่นใจว่ามันต้องเป็นอย่างนั้นแน่ๆ นี่ต้องเป็นเหตุผลที่เราซัมมอนได้มันมาตั้งแต่แรก'
อาร์คฉีกยิ้มขณะที่หย่อนไข่ปรโลกลงไปในหม้อ
"หุหุหุ ไข่เป็นแหล่งของโปรตีน
อาหารมื้อนี้อาจจะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่"
หลังจากนั้นอาร์คก็ใส่ส่วนผสมอาหารธรรมดาเพิ่มเข้าไปแล้วก็ทิ้งไว้รอให้น้ำเดือด
แล้วผลเป็นยังไงน่ะเหรอ? เปลวไฟที่ปะทุขึ้นมาจากการทำอาหารส่งผลให้กลิ่นหอมกรุ่นๆ โชยออกมา
ข้อความที่แสดงถึงการทำอาหารสำเร็จได้แสดงขึ้น
ตอนนี้สิ่งที่ต้องทำก็คือการชิมรสชาติของมัน
"โอ้ววววว...สำเร็จแล้ว มันเสร็จแล้ว
ไข่ต้มมมม!"
อาร์คยกไข่ในหม้อขึ้นมาพร้อมกับฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี
ทว่าพริบตานั้นอาหารในหม้อก็หายวับไปต่อหน้าต่อตาเป็นเวลาเดียวกับที่หน้าต่างข้อความที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนได้แสดงขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเราะมืดมนเป็นแบ็คกราวด์
คุณปรุงอาหารเพื่อความอยู่รอดได้สำเร็จ
แต่อย่างไรก็ตามไข่ปรโลกมีการดูดซึมไปทั้งหมด
ไม่มีผลกระทบต่อไข่ปรโลก
คุณยังไม่เข้าใจถึงชนิดของผลกระทบในการปรุงอาหาร
|
"อะ...อะไร? ดูดซับงั้นเหรอ?"
อาร์คมองไข่ที่อยู่ในหม้อด้วยความอึ้งจนพูดไม่ออก
เขาใช้เวลาไปพักใหญ่กว่าจะเข้าใจถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
'ไข่ดูดซึมอาหาร? นั่นก็แปลว่าไข่ไม่ได้เป็นส่วนประกอบของอาหาร แต่กลับถูกดูดมันเข้าไป? นี่มันหมายความว่ายังไง?'
อาร์คเอียงคออย่างครุ่นคิด
ก่อนจะนึกออกขึ้นมาอย่างกะทันหัน
'อะไรเนี่ย
สุดท้ายแล้วมันหมายความว่าไข่ฟองนี้กินอาหารที่เราปรุงไปงั้นเหรอ
ถ้าอย่างนั้น..."
อาร์คเบนสายตาไปที่หัวกระโหลก
ท้ายที่สุดแล้วมันก็หมายความว่าพวกทาสรับใช้ก็ยังต้องกินอาหาร!
ทันทีที่เขารู้ว่ายังมีวิธีอื่นอีกก็เหมือนฟ้าผ่าลงมากลางใจ
ชายหนุ่มรีบทำอาหารใหม่อย่างเร่งรีบ
เขาไม่ต้องทนทุกข์ทรมานอีกต่อไป
แถมส่วนผสมก็หาได้จากรอบตัวอีกต่างหาก อาร์คใช้สายตาประเมินส่วนผสมที่อยู่รอบๆ ตัว
เขาเก็บรวบรวมมันมาแล้วยัดใส่ในหม้อ
หลังจากล้มเหลวไปหลายต่อหลายครั้งในที่สุดเขาก็ทำซุปที่เต็มไปด้วยกลิ่นแปลกๆ
ได้สำเร็จ
อาร์คชี้นิ้วบอกกับหัวกระโหลกด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
"เอ้า! หัวกะโหลกนายลองกินนี่สิ"
หัวกะโหลกหันเบ้าตากลวงตาโบ๋มองไปที่อาร์ค
ก่อนจะค่อยๆ กระเด้งดื้บๆ เข้าไปหาน้ำซุปด้วยความลังเล
หลังจากที่มันเอาตัวเองจุ่มลงไปในน้ำซุป
มันก็รีบกระเด้งพรวดออกมาเหมือนโดนน้ำร้อนลวกแล้วก็ล้มลงชักเหง็กอยู่ที่พื้นพร้อมกับสายตา(?)ประณามที่คล้ายว่า ‘ทำไมนายท่านถึงทำกับข้าแบบนี้
กระซิกๆๆ’ แล้วร่างของมันก็ค่อยๆ สลายหายไปอย่างช้าๆ
- กะโหลกคนตายนิรนามได้รับความช็อคอย่างรุนแรงจนเสียชีวิต
ได้รับความเสียหาย 50 จุด!
|
- กะโหลกคนตายนิรนามถูกส่งกลับไปยังนรก
คุณสามารถเรียกมันได้อีกครั้งหลังจากผ่านไป 24 ชม.
|
- อาหารที่คุณปรุงด้วยทักษะการทำอาหารเพื่อความอยู่รอดได้แก่ ‘ซุปรสสยองขวัญ’ เพียงแค่จิบน้ำซุปเข้าไปเล็กน้อยก็จะทำให้เกิดการช็อคอย่างรุนแรงด้วยรสชาติชวนขนหัวลุกสั่นประสาทอย่างไม่น่าเชื่อ
ควรห่อมันให้ดีแล้วส่งเป็นของกำนัลให้กับศัตรูของคุณ
|
“เป็นอย่างที่คิดไว้เป๊ะ!”
อาร์คพยักหน้าหงึกหงักอย่างจริงจังเพื่อยืนยันความคิดของเขา
ทาสรับใช้สามารถกินอาหารได้ และหลังจากที่พวกมันกินอาหารที่เขาทำเข้าไป
อาหารชนิดนั้นก็จะถูกบันทึกอยู่ในรายการอาหารเพื่อความอยู่รอด
นั่นหมายความว่า...ไม่ว่าใครจะกินมันเข้าไปก็ถือว่าใช้ได้ตราบใดที่เขาสามารถตรวจสอบผลลัพธ์ของอาหารชนิดนั้นๆ
ได้ก็ไม่มีเหตุผลที่เขาจะต้องทดสอบอาหารโคตรอันตรายพวกนั้นเอง
อาร์ครู้สึกกังวลทุกครั้งที่ทำอาหารชนิดใหม่ๆ
แต่แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไป...
“และแล้วการทำอาหารก็กลายเป็นเรื่องที่สนุกสนาน
หลังจากนั้นอาหารพวกนั้นก็จะสร้างประโยชน์ให้กับคนอื่นๆ”
อาร์คทำอาหารพลางฮัมเพลงหงุงหงิงไปอย่างเบิกบานใจ
ยังไงก็ตามค้างคาวไม่ได้เชื่อฟังเหมือนกับหัวกะโหลก
ยิ่งบวกกับที่มันได้เห็นฉากน่าสะพรึงกลัวของหัวกะโหลกที่กินอาหารแล้วก็ตายไปอย่างทรมานนั้นเต็มไปด้วยความน่ากลัวจนมันต้องรีบถอยห่างออกไปเรื่อยๆ
แต่แน่นอนว่าอาร์คไม่มีทางปล่อยให้มันหนีไปแบบนั้น
เขาจับค้างคาวไว้แล้วยัดมันเข้าไปในหม้อที่เต็มไปด้วยสลัดผัก
และแล้วหน้าต่างข้อความอีกอันก็กระเด้งขึ้นมา
อาหารที่คุณปรุงด้วยทักษะการทำอาหารเพื่อความอยู่รอดได้แก่ ‘สลัดสมุนไพรน่าสงสัย’ ดูเหมือนว่ามันจะมีความน่าสงสัยเป็นอย่างมาก แต่ผลลัพธ์ที่แท้จริงนั้นคือการฟื้นพลังอย่างรวดเร็ว
อัตราการฟื้นฟู+50% ฟื้นฟูพลังชีวิต(เลือด)
150 จุดเป็นเวลา 30 วินาที
|
อาร์ครีบทำอาหารอีกครั้งแล้วกินมันเพื่อยืนยันผลลัพธ์ทันที
อัตราส่วนของอาหารที่เป็นพิษและส่วนผสมอาหารที่กินได้ในชาโดวฟอเรสต์นั้นแบ่งได้ราวๆ
ครึ่งต่อครึ่ง ปัญหาคืออันที่มีพิษก็จะมีพิษที่ร้ายแรงมาก
มีอาหารหลายชนิดที่เพียงแค่เขากัดเข้าไปแค่คำเดียวก็อาจจะทำให้จบชีวิตลงได้ถ้าเขาเผลอกินมันเข้าไปอย่างไร้สติ
แต่ยังไงก็ตามไม่มีอะไรที่เขาต้องกังวลอีกต่อไปแล้ว
เขาไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงอันตรายอีกต่อไป...
อาร์คที่ค้นพบวิธีที่จะค้นหาผลประทบของอาหารอย่างปลอดภัย
ไม่มีข้อจำกัด
เขารวบรวมส่วนผสมทั้งหมดที่เห็นและทำอาหารโดยไม่หยุดพักราวกับถูกสิงด้วยวิญญาณหัวหน้าพ่อครัว
“โฮ่ะๆๆ ฉันน่าจะลองเอาเนื้อเน่าพวกนั้นมาใส่ดูแฮะ”
หัวกะโหลกและค้างคาวต่างกอดกันแน่น
พวกมันตัวสั่นสะท้านเมื่อเห็นฉากสยองขวัญ(อาร์คกำลังทำอาหาร)ด้วยการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา
ชายหนุ่มถลึงตาใส่มันพลางกล่าวว่า “อย่างน้อยมันก็ดีกว่าให้ฉันที่เป็นเจ้านายพวกแกต้องมาตายใช่มั้ยล่ะ?”
ถึงจะไม่เห็นด้วย
แต่พวกมันก็เป็นเพียงแค่ทาสรับใช้ของเจ้านายผู้ชั่วร้ายคนนี้เท่านั้น
ไม่มีทางที่พวกมันจะหนีไปได้เลย
หัวกะโหลกและค้างคาวต่างตกอยู่ในสถานการณ์ระหว่างความเป็นความตายอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง
หลังจากผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง หัวกะโหลกที่มีค่าความจงรักภักดีที่มีอยู่ 200
แต้มก็จ้องมองอาร์คด้วยความรู้สึกที่แตกต่างจากตอนแรกอย่างเห็นได้ชัด
ในขณะที่ค้างคาวซึ่งมีค่าความจงรักภักดีต่ำเตี้ยตั้งแต่แรกก็เริ่มหนีสุดชีวิต
"อืมม...ถึงแกอยากจะหนี
แต่แกก็หนีชั้นไม่พ้นหรอกนะ ยกเลิกการซัมมอน! อัญเชิญค้างคาวอาฆาต!"
ค้างคาวที่พยายามหนีห่างออกไป
ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าอาร์คแทบจะติดกับจมูกของเขา
ค้างคาวดิ้นไปมาอย่างหวาดกลัวสุดขีด
อาร์คถลึงตามองมันพลางพูดเสียงเข้ม "ไอ้ค้างคาวบ้า! นี่มันครั้งที่ 3
แล้วนะ"
อาร์คยัดค้างคาวลงไปในหม้ออาหารอย่างไร้ความปราณี
มันตัวสั่นสะท้านพลางกรีดร้องโหยหวนอย่างกะทันหัน
"ฮว๊ากกก
ได้โปรดหยุดเถอะนายท่าน!"
ในเวลาเดียวกันนั้นเองที่เสียงหนึ่งดังขึ้น
หน้าต่างข้อมูลก็แสดงขึ้นมาทันที
ผลกระทบจากอาหารพิศดาร
ค่าสถานะของ 'ค้างคาวอาฆาต' ได้เพิ่มขึ้น
|
ค้างคาวอาฆาต
|
|||
เผ่าพันธุ์
|
ปีศาจ
|
ธาตุ
|
ความมืด
|
คลาส
|
-
|
พลังชีวิต
|
50 (+5)
|
ความจงรักภักดี
|
50
|
โจมตีกายภาพ
|
5 (+1)
|
คล่องแคล่ว
|
10 (+1)
|
พลังกาย
|
10 (+1)
|
ป้องกันเวทย์
|
10 (+1)
|
โจมตีเวทย์
|
10 (+2)
|
โชค
|
0
|
||
*ความสามารถในการสื่อสารกับผู้ซัมมอนได้ถือกำเนิดขึ้น
(หมายเหตุ เมื่อกินอาหารเข้าไปจะแสดงผลเพียงแค่ครั้งแรกเท่านั้น ครั้งที่สองจะไม่แสดงผล
อาหารชนิดใหม่ๆ จะกระตุ้นดึงความสามารถของทาสรับใช้จากนรกออกมา)
|
"เอ๊ะ...นี่มันคืออะไร? ค่าสถานะของพวกทาสรับใช้เพิ่มได้จากการกินอาหารอย่างนั้นเหรอ?" อาร์คมองหน้าต่างข้อมูลอย่างตกตะลึง
เขาไม่เคยคิดว่าพวกทาสรับใช้จะพัฒนาเติบโตขึ้นได้
จริงอยู่ที่เขาสามารถดูรายละเอียดได้จากหน้าต่างข้อมูล
แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะผ่านเงื่อนไข
เขาจะต้องหาวัตถุดิบและทำอาหารที่เหมาะสมสำหรับทาสรับใช้ร้อยกว่าอย่างหรือมากกว่านั้น
แล้วมันก็จะใช้เพิ่มค่าสถานะได้เพียงครั้งเดียว ถ้าเขาอยากให้ค่าสถานะเพิ่มก็ต้องทำอาหารชนิดใหม่ให้พวกมันกินเท่านั้น
นี่เป็นงานที่น่าปวดหัวอย่างแท้จริงเพราะมันต้องใช้ความพยายามในการหาวัตถุดิบมากมายนับไม่ถ้วน
ถึงแม้ว่ามันแทบจะเป็นไปไม่ได้
แต่ถ้าทาสรับใช้สามารถเพิ่มค่าสถานะได้ตามข้อมูลพวกนี้จริงๆ
ก็แทบจะสร้างความแตกต่างราวสวรรค์กับนรกเลยทีเดียว
สำหรับอาร์คแล้ว ถ้ามีความเป็นไปได้
มันก็คุ้มค่าที่จะลองทำดู
ดีไม่ดีอาจจะไม่ได้มีแค่ค่าสถานะที่เพิ่มขึ้นแต่อาจจะมีอะไรบางอย่างที่มากกว่านั้นอีก
ซึ่งนั่นอาจจะหมายถึงความสามารถแบบใหม่เช่นเดียวกัน
"อย่างตอนแรกมันก็ที่มันพูดได้ก็เป็นเพราะมันอยากจะสื่อสารกับเรามากสินะ?"
ถ้าหากมอนสเตอร์มีความคล้ายคลึงกับผู้เล่น
พวกมันก็จะเริ่มเรียนรู้ทักษะซึ่งเป็นสิ่งที่มันต้องการมากที่สุด
อาร์คจ้องค้าวคาวด้วยความแปลกใจจนมันต้องกระพือปีกดิ้นพั่บๆ
พลางขบฟันอย่างหวาดกลัว
"นายท่านพูดบ้าอะไรไร้สาระที่สุด! ท่านไม่ได้รู้เลยด้วยซ้ำว่าทำไมข้าถึงอยากพูดกับท่าน? ก็เพราะพวกเราต้องรับรู้ถึงรสชาติของความเจ็บปวดทุกข์ทรมานนั่นน่ะสิ! ให้ข้าตายซะยังดีกว่าต้องกินอาหารน่ากลัวพวกนั้น!"
"นี่แกกล้าท้าทายฉันที่เป็นเจ้านายของแกงั้นเรอะ!" อาร์คเริ่มโมโหเมื่อค้างคาวต่อว่าเขา
"ขะ...ข้าไม่ได้ท้าทาย ข้าแค่ยืนยันว่าสิ่งที่ข้าพูดไปเป็นเรื่องที่ถูกต้อง!"
ค้างคาวพูดเถียงสุดฤทธิ์
อาร์คหันขวับไปมองหัวกะโหลกก่อนจะถามมันอย่างรวดเร็ว
"แกก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันใช่มั้ยไอ้หัวกะโหลก!"
อนิจจา...หัวกะโหลกที่มีค่าความภักดี
200 จุด รีบส่ายหัวปฏิเสธทันที จนค้างคาวกระโดดขึ้นพลางกระพือปีกพั่บๆ
ร้องเสียงหลง
"ไอ้คนทรยศ!"
"ถ้าขืนแกยังโวยวายอีก
ชั้นจะให้แกกินอาหารเพิ่มเป็น 2 ครั้ง" อาร์คขู่มันเสียงเข้ม
"กี-กีซซ!"
ค้างคาวกรีดร้องออกมาอย่างกลั้นไม่ไหวพลางเอาปีกปิดปากตัวเองอย่างน่าสงสาร
มันก็ยุติธรรมดีแล้ว เพราะว่ามันกินอาหารที่น่ากลัวนี้ถึงช่วยพัฒนาความสามารถทำให้มันพูดได้? ถึงเขาจะใจร้ายไปบ้าง
แต่พอเห็นการแสดงออกของทาสรับใช้เขาก็ยังอดรู้สึกเสียใจนิดหน่อยไม่ได้อยู่ดี
"เอาล่ะ...ฉันจะพยายามทำน้อยลงก็แล้วกัน"
อาร์คพูดออกมาอย่างจนใจ
"นั่นหมายความว่าข้าต้องกินอีกอย่างนั้นเหรอ"
"ในฐานะที่ฉันเป็นเจ้านายแก
ทำไมฉันต้องทำอะไรที่ไม่ดีกับพวกแกด้วย
ทั้งหมดนี่เป็นสิ่งที่ดีสำหรับพวกแกทั้งนั้น หรือว่าแกไม่อยากจะแข็งแกร่งขึ้น?"
"กะ...โกหก!" ค้างคาวสวนกลับมาทันควัน
"ฉันไม่เคยพูดโกหก"
อาร์คพูดอย่างมั่นใจ
‘หุหุหุหุ...คิดเหรอว่าฉันจะยอมล้มเลิกวิธีที่สะดวกสบายแบบนี้? แถมสุดท้ายแล้วมันก็มีประโยชน์กับพวกแกอีกต่างหาก’
ตอนนี้เขามีเหตุผลที่จะให้พวกทาสรับใช้กินอาหารแปลกๆ
ที่ไม่รู้จักพวกนี้แล้ว
แต่ว่าเขาก็ไม่อยากจะโดนสายตาต่อว่าของค้างคาวให้ต้องรู้สึกผิดอีก
นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะยอมหยุดทำอาหารให้พวกมันกินหรอกนะ
ไม่สิ...เขาได้รับอาวุธที่ใช้ควบคุมพวกทาสรับใช้อย่างสมบูรณ์ได้ต่างหากล่ะ
“มะ...ไม่เอานะ! ข้าไม่อยากกินมันนน!”
“หนวกหูน่า...ถ้าแกเอาแต่บ่น
ฉันจะเอาอาหารพวกนี้ยัดปากแก!”
ค้างคาวที่ได้ยินคำพูดของผู้เป็นนายรีบบินหนีห่างออกมาอย่างลนลานพลางปิดปากสนิท
“ฟังให้ดีนะ ต่อไปถ้ามีการต่อสู้เกิดขึ้น
ใครก็ตามที่ไม่ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีจะต้องโดนกินอาหารพวกนี้ เข้าใจมั้ย?” อาร์คสั่งมันเสียงเข้มพลางยกหม้ออาหารมาตั้งประกอบฉาก
“ขะ...เข้าใจแล้ว”
ค้างคาวตอบเสียงสั่น
ขณะที่หัวกะโหลกนั้นโยกหัวไปมาพร้อมกับขบฟันกึกๆ
อาร์คสามารถควบคุมทาสรับใช้ได้อย่างสมบูรณ์
แน่นอน...ถึงแม้ว่าพวกมันจะเชื่อฟังคำสั่งเขาเป็นอย่างดีแต่เขาก็คิดจะให้พวกมันกินอาหารอยู่ดี
ดังนั้นแล้วไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไง พวกมันก็ต้องกินอาหารเหมือนเดิมนั่นเอง
“ค้างคาวไปสำรวจพื้นที่ให้ละเอียดแล้วกลับมา
นายคงรู้สินะว่าอะไรจะเกิดขึ้นถ้าทำเรื่องยุ่งๆ ขึ้นมา” อาร์คฉีกยิ้มอย่างยินดีพลางมองดูค้างคาวที่บินหัวซุกหัวซุนออกไปทำงานตามคำสั่ง
ดาร์ค
วอล์คเกอร์ช่างเป็นอาชีพที่แสนคุ้มค่า
พวกมันอาจจะเป็นแค่ทาสรับใช้
แต่เขาก็ไม่อยากจะต้องควงแส้เฆี่ยนตีพวกมันให้ทำตามที่เขาต้องการ
บางครั้งค้างคาวและหัวกะโหลกต่างก็แสดงถึงความคาดหวังต่อเขา
ดังนั้นบางทีเขาก็จะยกเว้นการลงโทษพวกมัน
แน่นอนว่าอาหารนั้นก็ต้องให้ไข่ฟองนั้นเป็นคน(?)รับผิดชอบแทน
‘ถ้าหัวกะโหลกกับค้างคาวพัฒนาได้
ไข่ฟองนี้ก็น่าจะเป็นแบบเดียวกัน’ อาร์คเดาพลางเขียนเครื่องหมายกำกับไว้หลังจากที่เอาอาหารให้มันดูดซับจำนวนหนึ่ง
เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างเงียบเชียบ...มันกระดุกกระดิกเล็กน้อยและปรากฏรอยแตกเล็กๆ
บนเปลือกไข่ซึ่งแทบจะมองไม่เห็นถ้าไม่ได้ตรวจสอบอย่างละเอียด
แต่มันก็เป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ามันอาจจะพัฒนาขึ้นด้วยการกินอาหาร
***End
of chapter***
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น